วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ข้างหลอน

ข้างหลอน


สมัยผมยังทำงานโรงงานแถวบางพลีและเช่าห้องอยู่ละแวกนั้น เรื่องห้องเช่าและโรงงานไม่ได้ทำให้ผมเข็ดหลาบหรอก แต่เป็นเรื่องการไปเป็นกิ๊กกับเมียคนอื่นนี่สิ

เธอชื่อ “เปิ้ล” เป็นคนจังหวัดเดียวกันกับผม ทำงานโรงงานเดียวกัน สายพานเดียวกันและมักจะกะเดียวกัน สามีเธอก็เช่นกันแต่คนละแผนกและมักจะคนละกะ บังเอิญผมกับเปิ้ลและสามีก็เช่าห้องติดกัน เธอกับสามีมาทำงานก่อนผมราวปีหนึ่ง เมื่อห้องติดกัน ทำงานที่เดียวกัน กะเดียวกัน เปิ้ลจึงมักติดมอเตอร์ไซค์ผมไปทำงานด้วย ระยะแรกผมไม่ได้สนิทสนมกับเปิ้ล ว่าไปแล้วคุ้นเคยกับฝ่ายสามีมากกว่าเพราะมักจะนั่งดื่มเหล้าด้วยกันหน้าห้องเช่าเสมอๆ

เข้าไปใหม่ๆ เปิ้ลได้รับคำสั่งจากหัวหน้าให้สอนงานผม ผมตั้งใจทำงานเก็บเงินให้พ่อแม่และส่งน้องเรียน นอกจากเหล้าที่กินกับเพื่อนร่วมห้องแล้ว ผมแทบไม่ได้ไปโต๋เต๋ที่อื่นเลย เงินวีกออกผมก็ส่งให้น้องให้แม่ เหลือติดตัวไม่มาก จึงต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง

และข้อนี้เองที่ดูเหมือนทำให้ผมเข้ากับเปิ้ลได้ดี สามีเธอดื่มหนัก เหล้าเข้าปากไม่เมาไม่เลิก ที่สำคัญไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ดื่ม หลายต่อหลายครั้งเปิ้ลจึงมักติดรถ ผมกลับบ้านด้วยเสมอ และชอบบ่นเรื่องสามีให้ฟังอยู่ไม่ขาด

ด้วยความเป็นคนพื้นถิ่นเดียวกัน ภาษาบ้านเกิดจึงออกจากปากเรา บางทีสามีเธอก็ค่อนขอดเพราะมักฟังไม่เข้าใจ ผมกับเปิ้ลมักใช้สรรพนามแทนกันว่าพี่กับน้อง ผมรู้สึกกับเธอเหมือนพี่กับน้องจริงๆ แม้เธอจะอายุงานมากกว่า แต่ผมอายุจริงแก่กว่าเธอถึงห้าปี แก่กว่าสามีเธอสามปี ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่มีปัญหาอะไร พอสามีเธอต้องกลับบ้านไปดูแลแม่ที่ป่วยหนักนี่สิ! เฮ้อ!

ผมรู้สึกแย่ที่บังคับตัวเองไม่ได้ การได้กินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปทำงานและกลับด้วยกันทุกวัน กลับบ้านมาก็มักมาดูละคร ฟังเพลงที่ห้องผมประจำ แม้จะเพียงสามสิบวันแต่ก็นานพอให้เราสองคนเผลอไผลไปมากกว่าเพื่อน เกินกว่าพี่น้อง

เปิ้ลบอกว่าพยายามบังคับตัวเองเช่นกัน แต่คนเราพอมีครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ตามมา บวกกับการที่เธอเหงาและผมดูแลเธอได้ พูดคุยได้ทุกเรื่อง นานวันเข้าก็ยอมรับว่าชอบเปิ้ลเหมือนกัน

แต่เธอมีสามีแล้ว! ผมบอกตัวเองเช่นนี้เสมอ ยิ่งสามีเธอโทรศัพท์มาบอกว่าอีกสามวันจะกลับแล้ว ผมกับเธอแทบไม่ห่างกันเลย เราคลุกคลีในห้องกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่ไปทำงานด้วยซ้ำ จนคืนก่อนสามีเธอจะกลับ เปิ้ลบอกผมว่า จะเลิกกับสามีเธอแล้วมาอยู่กินกับผม

“เราลาออกจากโรงงาน ย้ายไปอยู่ที่อื่นด้วยกันนะ” เปิ้ลชักชวน ผมยังลังเล ด้วยงานที่มั่นคงและการต้องส่งเสียน้อง อีกทั้งไม่มั่นใจชีวิตคู่ด้วย

ห้องเราติดกันเพราะฉะนั้นคืนแรกที่สามีเธอกลับมา จะด้วยความหึงหวงที่ผมเองไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน เมื่ออดคิดไม่ได้ว่าผัวเมียห่างกันเป็นเดือนๆ จะต้องทำอะไรกันบ้างในคืนแรกๆ ที่ต้องกลับมาเจอกัน

เช้าวันต่อๆ มา ทุกเช้าเปิ้ลมักจะพูดว่า ตัวน้องอยู่กับเขาแต่หัวใจอยู่กับพี่ ยิ่งทำให้ผมทุรนทุรายมากขึ้น

“ขอเวลาอีกหน่อยนะพี่ หนูกำลังหาทางเลิกอยู่”

ไม่กี่วันถัดมาคาดว่าสามีเธอคงรู้เรื่องจากเพื่อนในที่ทำงานและอาจจะจากเพื่อนข้างห้องคนอื่นๆ ถึงแม้ทุกคนจะทำตัวไม่ยุ่งเรื่องใคร แต่เรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใคร

คืนแรกที่ได้ยินเสียงเปิ้ลร้องไห้ ผมทั้งอดสงสารไม่ได้ น่าแปลกที่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะ และสามีของเธอก็ไม่ได้มาอาละวาดผมตามที่คิด

เช้ามาผมไม่ได้ยินเสียงจากในห้อง สามีเธอบอกที่ โรงงานว่าเปิ้ลไม่สบาย ไม่มาทำงาน เลิกงานผมก็รีบกลับห้อง พยายามโทร.ถึงเปิ้ลแต่เธอไม่รับสาย ผมแอบใช้เก้าอี้ต่อให้สูงเพื่อมองลอดบานเกล็ดเข้าไปก็เห็นเปิ้ล นอนหันหลังให้ มีผ้าห่มๆ อยู่ ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ กระซิกๆ แต่เธอไม่ยอมหันหน้ามาเลย โทร.เข้าก็มีแต่เสียงเรียกเข้า เธอไม่ลุกไปรับ ผมไม่กล้าแอบมองนาน เกรงสามีเธอจะกลับมาเห็น

คืนนั้นสามีเธอไม่กลับห้อง รุ่งเช้าก็ไม่ไปทำงาน ถามเพื่อนก็ไม่มีใครเห็นใครรู้ ถัดอีกวันกลับจากงานก็ยังเห็นเปิ้ลนอนหันหลังร้องไห้กระซิกๆ โทร.ไปก็ไม่รับ ทำไมก็ไม่รู้

วันที่สามถึงได้ทราบว่าสามีเธอลาออกจากงานแล้ว กลับมาถึงห้องผมแปลกใจที่ทำไมเปิ้ลเอาแต่นอนร้องไห้ในห้องไม่ทำอะไรมากกว่านี้

“พี่ไม่เห็นนะ ว่าเปิ้ลจะออกจากห้อง” พี่ดูแลห้องเช่าบอก “กุญแจก็ไม่มี”

ผมปีนมองผ่านบานเกล็ดอีกครั้ง เปิ้ลยังเอาแต่นอนบนเตียง จะเคาะจะเรียกอย่างไรก็ไม่ออกมา แต่พอทุกคนพูดตรงกันว่าไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ ทั้งๆ ที่ผมได้ยินอยู่เต็มสองหู นาทีนั้นเองผมตัดสินใจพังประตูเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของพี่ดูแลห้อง

แล้วผมก็เห็นเปิ้ลนอนบนเตียงจริงๆ เมื่อเข้าใกล้และพยายามดึงตัวเธอหันมา ผมกลับพบว่าภายใต้ผ้าห่มนั้นมีแต่เพียงกองผ้าและหมอนข้างวางสุมกัน ศีรษะของเธอกลิ้งตกลงมาจากหมอน ดวงตาเบิกค้างใบหน้าบวมหมองคล้ำ ทราบต่อมาว่าถุงดำที่ผมก้มลงไปเห็นอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งนั้นบรรจุชิ้นส่วนร่างกายของเปิ้ลที่ถูกตัดหั่นเป็นชิ้นๆ!

ผมจึงได้รู้ความจริงอันน่าขนลุกตอนนั้นเองว่า เสียงร้องไห้ที่ผมได้ยินมาตลอดสามวันมาจากศีรษะที่ไร้ร่างนั้นเอง!

yengo หรือ buzzcity

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น