ดต.ขวัญผวา‘ป้อมผีดุ’ เจอดี-โกยแน่บ
ผีหลอกตำรวจ ถึงกับทิ้งป้อมที่ทำการตำรวจชุมชนศาลาครืนรวมใจ ภายในวัดศาลาครืน ย่านฝั่งธนฯ ร้างนานกว่า 2 ปี ชาวบ้าน เห็นบ่อยมาในร่างคนโบราณชุดขาวล้วน เดินหายไปในตอต้นสักหน้าศาลาสวดศพ ตร.เผยเคยทั้งมีที่โดนผีอำธรรมดา จนถึงห้อยหัวลงมาจากเพดาน จนเกือบชิดใบหน้า เผ่นแทบไม่ทัน เลยไม่มีตำรวจกล้าไปพักช่วงออกตรวจตอนดึก เลขาฯเจ้าอาวาสระบุป้อมดังกล่าวเป็นศาลาเก่าปลูกทับป่าช้าป้อมตำรวจชุมชนผีดุ เปิดเผยเมื่อเย็นวันที่ 29 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในละแวกวัดศาลาครืน ซอยวุฒากาศ 42 ถนนวุฒากาศ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. ว่าภายในวัดดังกล่าวมีป้อมที่ทำการตำรวจชุมชนศาลาครืนรวมใจ ที่ใช้ศาลาปฏิบัติกรรมฐานของวัดดัดแปลงเป็นที่พักสายตรวจของ สน.บางขุนเทียน เกิดร้างไม่มีตำรวจสายตรวจเข้าประจำการมานานกว่า 2 ปี โดยมีเสียงร่ำลือจากชาวบ้านละแวกดังกล่าวว่ามีเหตุการณ์ลี้ลับสะเทือนขวัญ ทำให้ตำรวจที่มาพักเวรตรวจในยามค่ำคืนไม่กล้าเข้ามาใช้สถานที่ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าผีดุ หลอกหลอนในรูปแบบต่างๆ จนเป็นที่โจษจันในชุมชน
หลังรับทราบเรื่องราว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบริเวณโดยรอบที่ทำการดังกล่าวเป็นศาลาปูนชั้นเดียวกว้าง 4 เมตร ยาว 8 เมตร หลังคาปูด้วยกระเบื้องดินเผาแบบโบราณ ปลูกอยู่ใกล้ศาลาสวดศพ ติดซุ้มประตูวัด มีบรรยากาศชวนวังเวงในยามค่ำคืน มีชาวบ้านใช้เส้นทางผ่านบางตา นอกจากนี้ยังพบบานประตูด้านหน้าถูกปิดล็อก สอบถามชาวบ้านใกล้เคียงภายในชุมชนสุขศิริ ทราบว่าที่ทำการดังกล่าวถูกใช้งานเฉพาะตอนกลางวัน แต่ช่วงกลางคืนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปประจำการ เนื่อง จากมีผู้ประสบเหตุการณ์แปลกประหลาดหลายต่อหลายครั้ง
สอบถามพระใบฎีกาสันติชัย สันติชโย เลขาฯเจ้าอาวาส วัดดังกล่าว ทราบว่าป้อมตำรวจชุมชนดัดแปลงมาจากศาลาเก่าที่วัดใช้เป็นที่นั่งกรรมฐานของหลวงปู่โต๊ะและสมเด็จพระญาณสังวร ก่อนถูกปิดร้าง จนกระทั่งเจ้าอาวาสปัจจุบันอนุญาตให้ใช้เป็นที่พักตำรวจบ้านเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา แต่ช่วงหลังไม่มีตำรวจเข้าไปพักในตอนกลางคืน สอบถามพบว่าตำรวจหลายนายถูกผีหลอก ประกอบกับทางวัดขึ้นชื่อเรื่องผีดุ เมื่อตรวจสอบประวัติเก่าๆของทางวัดพบว่าที่ตั้งดังกล่าวเป็นป่าช้าเก่า จึงทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปพักในตอนกลางคืนนานกว่า 2 ปี
ด.ต.วัลลภ ใบศรี ผบ.หมู่งาน ป.สน.บางขุนเทียน หนึ่งในผู้เคยประสบเหตุการณ์ลี้ลับ เผยว่า ตนเคยเข้าไปที่ทำการดังกล่าวกับคู่ตรวจหลังออกตรวจพื้นที่เสร็จในช่วงดึก มักจะโดนผีอำหลายครั้งในลักษณะมีคนมานอนทับที่ศีรษะ บางครั้งรู้สึกว่าเหมือนมีคนแก่ชาย-หญิง แต่งกายแบบโบราณมายกร่างตน ขณะเคลิ้มหลับอยู่บนโซฟา จนกระทั่งตนและเพื่อนไม่กล้าเข้ามาพักในตอนกลางคืน เมื่อตรวจสอบบริเวณอาคารพบว่ามีอีกห้องหนึ่งเป็นห้องเก็บโลงศพและรถเข็นโลง คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิด นอกจากนี้ ทราบมาว่า ด.ต.สวัสดิ์ ว่องไว ผบ.หมู่งาน จร.สน.เดียวกันยังเคยถูกหลอกขณะเข้ามานอนพัก จนต้องวิ่งเผ่นออกจากห้องแทบไม่ทัน เมื่อสอบถามทราบว่า ด.ต.สวัสดิ์เห็นร่างเงาดำคล้ายเพศชาย ห้อยหัวลงมาจากเพดาน จนเกือบถึงใบหน้า ทำให้ตำรวจเกือบทั้ง สน.ที่ทราบเรื่องต่างไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาพักผ่อนในตอนกลางคืน จนทำให้อาคารแทบร้างในเวลาต่อมา ยกเว้นในตอนกลางวันที่มีผู้คนเข้ามาใช้เป็นที่ประชุม หรือกิจกรรมต่างๆร่วมกันหลายๆคน
ด้านนายประสิทธิ์ พึ่งสว่าง อายุ 56 ปี ผู้พักอาศัยใกล้เคียงป้อมดังกล่าว เผยกับผู้สื่อข่าวว่าเคยถูกผีหลอกหลายครั้ง ครั้งแรงที่สุดเคยเห็นเป็นรูปร่างชายตัวสูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบนไม่สวมเสื้อ คล้ายคนโบราณ ยืนกอดอก หน้าที่ทำการในช่วงกลางดึก ตนจึงยกมือไหว้ ก่อนร่างนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา นอกจากนี้ ชาวบ้านละแวกนั้นเคยเจอชายชราแต่งกายชุดขาวล้วน เดินหายไปในตอต้นสักภายในวัดหน้าศาลาสวดศพ บ่อยครั้งจนเป็นเรื่องปกติ ตนจึงอยากให้ทางวัดร่วมกับคนในชุมชนร่วมกันจัดพิธีอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณทั้งหลายเพื่อเป็นการคลายความหวาดกลัวของชาวบ้านในชุมชน ที่ไม่กล้าใช้เส้นทางเดินผ่านในเวลากลางคืนให้กลับมามีสภาพดังเดิม
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/433036
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น