ผีห่าอโยธยา

ผีห่าอโยธยา

แถลงข่าวเปิดตัวต่อหน้าสื่อมวลชนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาดย้อนยุคเรื่อง "ผีห่าอโยธยา" ซึ่งเป็นผลงานเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ โดย "ม.ร.ว. เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม" สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทอดในฉากย้อนยุค สมัยอยุธยา 400 กว่าปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวของการเกิดโรคห่าระบาดที่ส่งผลให้ผู้คนในหมู่บ้านล้มตาย และลุกขึ้นมามีชีวิตกัดกลืนกินผู้คนที่เหลือรอด ซึ่งได้ทีมนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น เต้ย-พงศกร , แคท-ซอนญ่า , แม็กกี้- อาภา , แต๊บ-ธนพล , โซดา-วีรี , คาน-คานธี และหนึ่ง-ชลัฎ มาร่วมสร้างความสยองขวัญให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย

ที่มา http://www.thairath.co.th/clip/11698

ยังผวา! ชาวบ้านแห่ติดยันต์-ใบหนาด ไล่ 'ผีปอบ' (ชมคลิป)

ยังผวา! ชาวบ้านแห่ติดยันต์-ใบหนาด ไล่ 'ผีปอบ' (ชมคลิป)

ชาวบ้านนาบ่อคำ จ.กำแพงเพชร ยังผวา หลังไก่ถูกกัดตายทั้งเล้า บางส่วนเชื่อเป็นฝีมือผีปอบ นำยันต์-ใบหนาด ติดหน้าบ้าน พร้อมปิดประตูเงียบตั้งแต่หัวค่ำ...

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่บ้านเลขที่ 118 บ้านสร้อยสุวรรณ ม.22 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร บ้านของ นายบารมี จอมมอย อายุ 53 ปี และนางสายรุ้ง จอมมอย อายุ 46 ปี มีไก่ถูกฆ่าตายหมดทั้งเล้า ชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่าเป็นการกระทำของผีปอบ บางส่วนเชื่อว่าเป็นสัตว์ร้ายมากัด โดยมีซากไก่ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ทั้งพ่อไก่แม่ไก่ และลูกเจี๊ยบ ตายกองรวมๆ กันจำนวน 17 ตัว จากการดูซากไก่พบว่าตัวใหญ่ทุกตัวจะมีรอยถูกกัดกินตั้งแต่บริเวณก้นขึ้นไปจนถึงกลางหลัง โดยเครื่องในทุกอย่างยังอยู่ครบ โดยไก่ทุกตัวไม่มีรอยเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของสัตว์ แต่เป็นของผีปอบ หรือ ผีกะ ที่ชอบมาขโมยดูดเลือดและกินไก่ของชาวบ้านตอนกลางคืน

วันนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง ที่บ้านหลังดังกล่าว พบว่า นายบารมี กับนางสายรุ้ง ได้นำซากไก่ทั้งหมดฝังดินเรียบร้อยหมดแล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ไม่เชื่อว่าเป็นผีปอบ น่าจะเป็นสัตว์มากกว่า แต่ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์ชนิดใด แต่ที่หน้าบ้านของตนก็นำผ้ายันต์ของคูบาศรีวิชัยมาปิดไว้ ชาวบ้านหลังอื่นๆ ก็ติดเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนก็กลัวเหมือนกันหมด ประกอบกับวันนี้ มีผู้สูงอายุซึ่งเจ็บป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวันเสียชีวิต เพิ่งนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลด้วย แต่คงไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องผีปอบ

และจากการสำรวจดูตามบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว พบว่าแต่ละบ้านได้นำใบหนาด ใบผีแพ้ หญ้าตายคืน หัวไพร มามัดรวมกัน ผูกติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน ส่วนบางบ้านก็นำผ้ายันต์ครูบาศรีวิชัยมาปิดไว้ บ้างก็นำเสื้อแดงมาแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นการป้องกันผีปอบ

จากการสอบถาม นางทา ศิริวงศ์ อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.22 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้สูงอายุรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ใบหนาด ใบผีแพ้ หญ้าตายคืน หัวไพร มามัดรวมกันผูกติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เพื่อป้องกันผีปอบตามความเชื่อของคนโบราณ แต่ในส่วนตัวก็ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ป้องกันไว้ก็ดี ทุกวันก็หวั่นๆ กลัวใครมาเรียกตอนกลางคืน คนโบราณสอนว่าถ้าใครมาเรียกกลางคืนห้ามทัก จะถูกผีปอบสิง

ขณะที่บรรยากาศตามร้านค้า ที่เป็นแหล่งชุมนุมของชาวบ้าน ก็จะมีคนออกมานั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีการถ่ายเอกสารยันต์ของครูบาศรีวิชัยแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่ต้องการด้วย ส่วนใหญ่ระบุว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทำให้คนในพื้นที่ส่วนใหญ่พากันปิดบ้านตั้งแต่หัวค่ำ วัยรุ่นที่ชอบขี่ จยย.ออกไปเที่ยวเตร่ ก็รีบเข้าบ้านเช่นกัน เนื่องจากกลัวผีปอบ.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/478323

เลี้ยงโต๊ะจีนผี! เฮี้ยนจัดเจอในวัด เชื่อเป็น‘สัมภเวสี’

เลี้ยงโต๊ะจีนผี! เฮี้ยนจัดเจอในวัด เชื่อเป็น‘สัมภเวสี’

วัดดังที่อ.แสวงหา จ.อ่างทอง จัดเลี้ยง‘โต๊ะจีนเลี้ยงผี’ หลังมีคนเห็นและร่ำลือเรื่องผีเฮี้ยนบริเวณศาลาการเปรียญ เจ้าอาวาสเลยจัดให้ทำพิธีเซ่นไหว้ ทั้งบรรพบุรุษที่ล่วงลับ รวมทั้งสัมภเวสีที่ยังเร่ร่อนอยู่ทั้งหลาย เพื่อความสบายใจ...

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 3 มี.ค.58 พระครูสุตานุยุต เจ้าอาวาสวัดบ้านแก พร้อมชาวบ้านได้จัดทำพิธีโต๊ะจีนเลี้ยงผี ที่บริเวณด้านหน้าศาลาการเปรียญวัดบ้านแก ต.ศรีพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยชาวบ้านได้นำข้าวปลาอาหารของเซ่นไหว้ ที่เตรียมมาจากบ้านมาตั้งรวมกันที่บริเวณโต๊ะใหญ่หน้าศาลาการเปรียญ หลังมีเสียงร่ำลือว่ามีคนเจอผีและสิ่งลี้ลับบริเวณใต้ถุนศาลาการเปรียญ

หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดออกไป และชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ทางพระครูสุตานุยุต จึงได้ทำการจัดโต๊ะจีนเลี้ยงสัมภเวสีและสิ่งลี้ลับที่บริเวณศาลาการเปรียญ เพื่อความสบายใจของญาติโยมรวมถึงพระเณร และแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ภูตผีสัมภเวสีทั้งหลาย รวมทั้งสร้างความรักสามัคคีของชาวบ้านในชุมชนที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

พระครูสุตานุยุต กล่าวว่า โต๊ะจีนผีเป็นการทำบุญอุทิศให้แก่บรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงดวงวิญญาณที่ได้ล่วงลับดับสูญที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิด และวนเวียนอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยให้ชาวบ้านจัดการนำอาหารคาวหวานมาเซ่นไหว้ พร้อมกับมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศล และสร้างความรักความสามัคคีของชาวบ้าน ให้ลูกหลานได้สืบสานกันต่อไป.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/484753

ขนหัวลุก !! ผีเด็กหญิง ตาดำ โผล่หลอกชาวบ้าน

ขนหัวลุก !! ผีเด็กหญิง ตาดำ โผล่หลอกชาวบ้าน

โกยแน่บ... ชาวผู้ดีขนหัวลุก ผีเด็กหญิง ดวงตาดำสนิท โผล่หลอกหลอนชาวบ้าน ขณะจูงหมาเดินเล่นยามดึก เล่าให้เพื่อนพี่น้องฟังกลับไม่มีใครเชื่อ จนมาเห็นข่าวในหน้า นสพ. มีคนเคยเจอมาแล้ว

สื่อในอังกฤษรายงานว่า เรื่องราวเขย่าขวัญ คนเห็นผีเด็กหญิงวัยไม่ถึง 10 ขวบ ดวงตาดำสนิท ออกมาหลอกหลอนชาวบ้าน ที่ แคนน็อก เชส ในประเทศอังกฤษ กำลังเป็นที่โจษขานอย่างหนัก สอบถามกันด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ว่า เมืองนี้อยู่ที่ไหน หลังจากมีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าเรื่องชวนขนหัวลุก เห็นผีเด็กหญิง ตาดำน่ากลัว กลายเป็นข่าวโด่งดังในหน้า นสพ. เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน แถมไม่กี่วันให้หลัง ยังมีชายคนหนึ่งออกมาเปิดเผย โดนผีเด็กสาวหลอกเป็นรายที่ 2 จนต้องเผ่นแน่บ

สื่อแดนผู้ดีรายงานว่า เรื่องราวคนเห็นผีในแคนน็อก เชส ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดในรอบ 30 ปี แต่เรื่องนี้ถูกตอกย้ำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อ นายลี บริคลีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผีในอังกฤษ ซึ่งได้พูดคุยกับผู้หญิงที่เห็นผีเด็กหญิงเป็นคนแรก ต้องมาได้ยินเรื่องชวนขนหัวลุกซ้ำสองติดๆ กัน จากคนเห็นผีรายที่ 2 แต่คราวนี้กลับเป็นผู้ชาย

ชายคนดังกล่าว ได้โทรศัพท์ติดต่อมายัง นายลี บริคลีย์ว่า หลังจากที่เขาได้อ่านเรื่องราวในนสพ.วันนี้ รู้สึกอยากจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเองที่แคนน็อก เชสเช่นกัน โดยชายคนนี้ เล่าว่า เขาชอบจูงสุนัขไปเดินเล่นแถวแคนน็อก เชส ในช่วงดึกๆ และมีอยู่คืนหนึ่ง ระหว่างที่เดินเล่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงดังมาจากพุ่มไม้ข้างทาง

‘ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นกระรอก หรือสัตว์คล้ายๆ กัน ผมจึงเดินจูงสุนัขไปดูรอบๆพุ่มไม้ ประมาณสัก 10 นาที’ ชายเห็นผีเล่า พร้อมกับบอกว่า หลังจากไปดูและไม่เห็นอะไรอยู่ในพุ่มไม้แล้ว จึงเดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่กลับได้ยินเสียงตามหลังมา และไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงเดียวกันดังมาจากต่างทิศทางอีก แต่เมื่อหันไปมอง เขาต้องสะดุ้งโหยง เพราะกลับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ (อายุไม่น่าเกิน 10 ขวบ) ขณะที่ สุนัขของเขาก็เริ่มเห่าหอน เขาจึงถามเด็กหญิงว่าเธอโอเคมั้ย แต่เธอกลับไม่ตอบ

ชายเห็นผีเล่าต่อไปว่า ตอนนั้น ก็รู้แปลกๆ เหมือนกัน แต่ก็ยังจูงสุนัขเดินเล่นต่อไป ทว่า ไม่นึกไม่ฝัน เด็กหญิงคนเดิมกลับมาปรากฏตรงหน้า และทำให้เขามีโอกาสสังเกตดวงตาทั้งคู่ของเด็กหญิงว่า มีสีดำ ขณะที่สุนัขของเขาก็ส่งเสียงหอนอย่างโหยหวนอีกครั้ง แต่แล้วเพียงแค่ชั่วเวลาพริบตาเดียว เด็กหญิงก็หายตัวไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากชายคนนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ และครอบครัวฟัง ทุกคนกลับหัวเราะขำๆ ไม่มีใครเชื่อ กระทั่งมาอ่าน นสพ.เจอเรื่องหญิงเห็นผีเด็กหญิงในหน้าหนึ่ง จึงรีบโทรศัพท์มาเล่าให้ฟัง โดย นายลี บริคลีย์ ยังเผยว่านับตั้งแต่เรื่องราวสยองขวัญ คนเห็นผีเด็กแพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นคิดจะย้ายออกจากแคนน็อก เชส ด้วยความหวาดกลัวกันแล้ว

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/454243

แม่บ้าน นักเรียนระยอง ผวาโรงเรียนผีสิง

แม่บ้าน นักเรียนระยอง ผวาโรงเรียนผีสิง

นางสมหมาย อับดุลลอ แม่บ้านของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมือง บอกว่าทำงานที่นี่ได้ 2 ปีกว่าแล้ว/ มีอยู่วันหนึ่งได้ขึ้นไปทำความสะอาดที่ชั้น 4 อาคาร เอ อเนกประสงค์ อุทยานการเรียนรู้ของโรงเรียน ขณะที่เข้าไปทำความสะอาดห้องเก็บของ ซึ่งปิดไว้ยังไม่ทันเข้าไป ประตูก็ถูกดึงเข้าดึงออกอย่างแรง ทั้งที่ชั้นบนไม่มีลม เป็นอย่างนี้ 2-3 ครั้ง แต่ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่ตกใจอยู่บ้าง และพอตกกลางคืนจะฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่า ถูกฆ่าข่มขืนตายบริเวณนั้น

ด้านนางแอ๊ว ศิลาโอน แม่บ้านอีกคน เล่าว่า พบเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกัน เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา จะเข้าไปทำความสะอาดในห้องประชุมซึ่งปิดอยู่ ยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้เห็นลูกบิดประตูหมุนไปมาจากด้านในเหมือนจะมีคนออกมา พอเอามือไปจับก็หยุดเป็นอย่างนี้หลายครั้ง

นอกจากนี้นักเรียนที่ขึ้นลงด้วยลิฟต์ที่อาคารเรียนเอขึ้นลิฟต์จากชั้นหนึ่งไปชั้น 4 แต่ชั้น 3 ไม่มีใครอยู่ พอลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้น 3 ลิฟต์ก็จะเปิดเองทุกครั้ง เหมือนมีใครเข้าออกซึ่งชั้นนี้จะว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ และนักเรียนอีกหลายคนก็เจอคล้ายกันเหมือนมีใครมาขึ้นลิฟต์ปิดเปิดโดยไม่มีคนอยู่

เบื้องต้น สอบถาม นายจารุวัฒน์ สุนทรเวชพงษ์ รองนายก อบจ.ระยอง ผู้รับผิดชอบดูแลโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ได้เปิดเผยว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะสั่งตั้งกรรมการสอบสวนสาเหตุก่อนชี้แจงให้ทราบ // สำหรับโรงเรียนนี้ ใช้ชื่อ “โรงเรียนมัธยมตากสินระยอง” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้ซึ่งกอบกู้เอกราชของชาติไทย และเป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องชาวจังหวัดระยอง

ที่มา http://www.thairath.co.th/clip/8497

ตั้งกล้องจับผี เจอดี...! ท้าพิสูจน์เฮี้ยน โค้งร้อยศพรัชดาฯ สยอง...? (ชมคลิป)

ตั้งกล้องจับผี เจอดี...! ท้าพิสูจน์เฮี้ยน โค้งร้อยศพรัชดาฯ สยอง...? (ชมคลิป)

ตะลึงเรื่องประหลาดตั้งกล้องพิสูจน์ ความเฮี้ยน โค้งร้อยศพ ถ.รัชดาภิเษก ขณะที่หมอปลาย อ้างการันตีว่าตรงนี้มีผีจริง ฟันธงอุบัติเหตุตรงนี้ไม่เกี่ยวกับผี คนแหละตัวดีประมาท...

กรณีความเฮี้ยน โค้งร้อยศพ ถ.รัชดาฯ กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ทันที หลังสำนักงานเขตประกาศเดินหน้าปรับภูมิทัศน์ด้วยการเก็บของเซ่นไหว้ตั้งแต่ รูปปั้นกองทัพม้าลาย ชุดไทยจำนวนมาก ศาลพระภูมิมหาศาล ตุ๊กตาหัวขาด ตุ๊กตานางรำ พวงมาลัย และอาหารเครื่องเซ่นอื่นๆ อีกมากมายที่ตั้งอยู่เต็มบริเวณโค้ง ลามมาถึงบนสะพานลอย ในมุมของความเชื่อเรื่องลี้ลับมันจึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่เชื่อเรื่องแบบนี้อย่างมากมาย

ไทยรัฐออนไลน์ลงพื้นที่พิสูจน์เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความเฮี้ยน "โค้งร้อยศพ" บริเวณหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกว่า แท้จริงแล้วมีวิญญาณเฮี้ยนอยู่แบบที่หลายคนเชื่อจริงไหม ถ้ามีจริงๆ วิญญาณที่สิงสถิตเหล่านี้ต้องการจะสื่อสารอะไร ต้องการอะไร และมีความคิดเห็นอย่างไรกับการขนย้ายและปรับภูมิทัศน์เหล่านี้ ฯลฯ

เราต่อสายโทรศัพท์หา ณวรชา พินิจโภคากร หมอปลายชื่อดัง ผู้ที่อ้างว่าติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้บอกถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปครั้งนี้ว่า นอกจากจริงๆ แล้วมีวิญญาณเฮี้ยนอยู่แบบที่หลายคนเชื่อไหม ถ้ามีวิญญาณเหล่านี้ต้องการจะสื่อสาร ต้องการอะไร และรู้สึกอย่างไรกับการรื้อเครื่องเซ่นไหว้และขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ อนุญาต หรือ โกรธแล้วต้องการอะไร?

ที่สำคัญเพื่อเป็นการพิสูจน์ที่สมบูรณ์ เราต้องการพิสูจน์ความสามารถของ 'หมอปลาย' ที่อ้างตัวว่าสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ด้วยการตั้งกล้องวิดีโอเก็บภาพใต้ต้นโพธิ์เฮี้ยนที่หลายคนเชื่อ พร้อมกับให้เธอทำพิธีให้วิญญาณมาแสดงอะไรก็ได้ผ่านกล้องของเราเพื่อการันตีเรื่องราวการสื่อสารกับวิญญาณที่ถ่ายทอดจากปาก หมอปลายตอบตกลงแบบไร้เงื่อนไข

การพิสูจน์จึงเริ่มต้นกลางดึกของวันหยุดที่ผ่านมา และนี่คือบทสัมภาษณ์เรื่องราวที่พิสูจน์ให้เห็นด้วยตา แบบไม่ชี้นำ แต่โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

สื่อสารกับวิญญาณมีจริงหรือไม่..?

การพิสูจน์เริ่มต้นกลางดึกของวันเสาร์ (10 ม.ค.58) ที่ผ่านมา เรานัดหมายกัน หมอปลายมาพร้อมกับแม่ ทักทายกัน ก่อนจะลงพื้นที่จริงๆ พื้นที่น่ากลัวใต้โค้งต้นโพธิ์กลางดึก เธอขอเดินสำรวจรอบๆ นอก ก่อน โดยมีเราเดินตามห่างๆ ใช้เวลาอยู่นาน พร้อมกับทำท่าทำปากราวกับพูดคุยกับใครแบบไม่มีตัวตนอยู่ ที่สุดหมอปลายบอกกับเราว่าที่นี่มีวิญญาณ (จากการถูกรถชนตาย วิญญาณต้นไทร และวิญญาณผีเฮี้ยนจากกุมาร ตุ๊กตาแตกหักที่มีคนมาทิ้งเอาไว้ทั้งที่รู้หรือไม่รู้) แบบที่ลือกันอย่างแน่นอน

นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราตกลงกันว่าจะเดินเข้าไปใกล้พื้นที่อาถรรพณ์ด้วยการข้ามถนน 4 เลนอย่างยากลำบาก เนื่องจากรถบริเวณนั้นวิ่งลงสะพานมาเร็วมากๆ แม้เวลาจะค่อนข้างดึกรถก็ยังขวักไขว่ใช้เวลาอยู่นานถึงจะข้ามถนนและเดินเข้าไปบริเวณต้นโพธิ์ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยของเซ่นไหว้ หมอปลายนำหน้าแล้วก็ทำพิธีจุดธูปดำควันลอยกลิ่นหอมจากธูปฟุ้งกระจายตามแรงลมที่แรง จุดธูปเพื่อสื่อสารกับวิญญาณ ใช้เวลาราว 5 นาที เธอก็หันมายิ้มอธิบายว่าพร้อมกับหันหน้าไปรอบๆ หลายครั้ง (ภายหลังหมอปลายบอกว่าขณะกำลังพูดคุยมีวิญญาณมามุงดูเรามากมาย) พร้อมกับบอกสิ่งที่วิญญาณต้องการมีอยู่ 4 อย่าง

1.ย้ายของได้ แต่ขอให้อย่าเอาสิ่งของเครื่องเซ่นไหว้ไปทำบุญเอาไปขาย 2.ต้องการให้คนทำสังฆทานไปให้ 3.ขอให้อย่าตัดต้นโพธิ์ใหญ่ เล็มได้แต่ขอร้องอย่าตัด และ 4.ขออย่าให้ใครมารบกวนที่นี่หลังจากนี้เพราะถ้ามายุ่งเขาจะเฮี้ยน

"ถามว่าตรงนี้เกิดอุบัติเหตุก็เพราะวิญญาณหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าไม่ใช่เพราะวิญญาณตรงนี้ไม่ได้มีพลังขนาดนั้น อุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของคน ความเมา และแสงไฟไม่เพียงพอ" หมอปลายย้ำ

ตั้งกล้องพิสูจน์วิญญาณโค้งร้อยศพ รัชดาฯ..!

หลังจากสื่อสารความต้องการของเหล่าวิญญาณเสร็จ ก็มาถึงขั้นตอนพิสูจน์ว่าตามข้อตกลงว่าหากจะตั้งกล้องตรงไหน ถึงจะสามารถเห็นวิญญาณได้ หมอปลายหลับตาพร้อมกับอธิษฐานขออนุญาตให้วิญญาณที่สิงสถิตตรงนี้ปรากฏภาพในกล้องให้ทุกคนได้เห็นว่าวิญญาณมีจริงๆ คนที่จะไม่มาลองของและมารบกวน หรือหากไม่มีภาพวิญญาณปรากฏคนที่กลัวจะได้เลิกกลัว

ตั้งกล้องแช่ไว้ที่ต้นโพธิ์เสร็จสรรพพวกเราก็ถอนทีมไปรออยู่อีกฝั่งของถนนเวลาขณะนี้ประมาณเที่ยงคืนนิดๆ แช่ไว้ 15 นาที ถึงเวลาเราก็นำกล้องมาเปิดดู ภาพต่างๆ ก็เหมือนเป็นปกติ

มีที่น่าสังเกต ทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะช่วงหนึ่งของเทปขณะที่ช่างภาพกำลังแพนกล้องช้าๆ เพื่อเก็บภาพเครื่องเซ่นไหว้ช็อตสุดท้าย อยู่ดีๆ พอแพนกล้องมายังบริเวณ 'กุมารหัวขาด' กล้อง (รุ่น 7d mark 2) ระบบโฟกัสอัตโนมัติไม่สามารถใช้ได้ช่วงหนึ่ง ซึ่งก็ไม่สามารถรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หรืออาจจะเป็นเพราะปัจจัยเรื่องแสง แต่ก็สร้างความงวยงงให้กับทีมงาน

วิทยาศาสตร์อธิบายโค้งร้อยศพ รัชดาฯ...!

อีกมุมของวิทยาศาสตร์ก็มีคนอธิบายเรื่องราวของความเฮี้ยนของโค้งร้อยศพที่ถนนรัชดาฯก็มีผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนที่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องโค้งร้อยศพต่างๆ อีกมุม

ด้านนายเกชา ธีระโกเมน เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่า การก่อสร้างถนนของไทยในอดีต มาตรฐานยังไม่ได้ตามระดับสากล ที่ปกติต้องมีความลาดเอียงรับกับโค้ง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเสียความลาดชัน ถนนประเทศไทยหลายแห่งยังมีปัญหาแบบนี้ การแก้ไขต้องตรวจสอบความลาดเอียง และปรับปรุงทำให้ด้านซ้ายต้องสูงกว่าด้านขวาในช่วงเข้าโค้ง ส่วนพื้นถนน ต้องตรวจสอบจะให้ขรุขระไม่ได้ แต่หากเรียบไปก็หลุดโค้ง หากตรวจสอบแล้วไม่สามารถปรับแก้ไขได้ ให้กำหนดความเร็วเมื่อต้องขับผ่านช่วงนั้น ติดตั้งเครื่องกั้นทาง มีป้ายบอกเตือนหรือสัญลักษณ์ที่บอกว่าเป็นโค้งอันตราย สำหรับเรื่องอาถรรพณ์พวกเราวิศวกรไม่เชื่อ แต่เชื่อเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมากกว่า ทั้งนี้ ที่วิศวกรรมสถานมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านการทาง หากต้องการให้ไปเสนอความเห็นก็ยินดี

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางบอกว่า สาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุโค้งรัชดาฯ เรื่องระยะการมองเห็นที่น้อยเกินไป กว่าจะเห็นว่าโค้งก็คือมาถึงโค้งแล้วพอดี การยกโค้งอาจมีปัญหา เช่น ไม่ยกตัวขึ้นรับ แนวเอียงไม่พอดี หรือไม่ได้ถูกยกโค้งเลย เรื่องพวกนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ซึ่งหากมีการขยายหรือปรับปรุงถนนเพิ่มก็อาจจะหมดปัญหา เรียกได้ว่าเป็นปัญหามาจากการออกแบบถนนที่ไม่ดี

นอกจากนี้ เรื่องความสว่างของถนน เครื่องหมาย หรือสีเตือนอันตรายต่อผู้ขับขี่น้อยเกินไป ทำให้ไม่ทันชะลอความเร็วหรือระมัดระวังมากขึ้นนัก ปัจจัยเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุนั้นมาจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่ถนนออกแบบเอาไว้ ซึ่งถนนในเขตเมืองรวมถึงถนนเส้นดังกล่าวจะถูกออกแบบมาให้รองรับความเร็ว และเมื่อขับขี่กันในช่วงกลางคืนก็ใช้ความเร็วสูงกว่าค่าที่รองรับได้ประกอบกับถนนกว้างถึง 4 เลน หากไม่ได้ยกโค้งก็จะหลุดไปชนกับต้นไม้ ชนเกาะกลางถนนจนเกิดบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ ยังไม่รวมถึงพฤติกรรมเมาแล้วขับ เนื่องจากถนนดังกล่าวเชื่อมต่อกับสถานบันเทิงหลายแห่ง

ขณะที่ นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ ชื่อดังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้อ้างว่า

“ไอ้ศาลตรงต้นโพธิ์ โค้งร้อยศพ อะไรเนี่ย.. ฝีมือเพื่อนผมมันเป็นคนโปรโมตเอง เคยนั่งคุยกับมันในวงเหล้าเรื่องนี้แบบขำ ๆ มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว สมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนถนนรัชดาฯตัดใหม่ ๆ ศาลอาญาตรงนั้น กำลังสร้าง ไอ้เพื่อนผม มันเป็นนายช่าง วิศวกร คุมโครงการก่อสร้างอยู่ที่นั่น คราวนี้ตอนดึก ๆ พวกคนงานก่อสร้างกะดึก ที่ก่อสร้างโครงการศาลอาญาเลิกงานแล้วก็ชอบเดินข้ามถนน กลับมาแคมป์คนงานที่ฝั่งตรงข้าม มันก็เดินข้ามตรงนั้น ที่มีต้นโพธิ์อยู่ พวกแก๊งคนงานพวกนี้ มันชอบไปแวะยืนเยี่ยวเป็นกลุ่ม ที่โคนต้นโพธิ์นั่นประจำ ..ปัสสาวะทุกวัน จนกลิ่นมันเหม็นหึ่ง ขนาดกลิ่นเยี่ยวโชยข้ามจากเกาะกลางถนนมาถึงฝั่งถนนข้าง ๆ ไอ้เพื่อนผมมัน ที่เป็นโปรเจกต์แมเนเจอร์ อยู่ที่นั่น ก็เลยออกอุบายไปสำเพ็ง ซื้อผ้าแพรเจ็ดสี มาพันรอบต้นโพธิ์ซะ มีจัดฉากเอาธูปมาปัก ๆ ด้วย เป็นพร็อพพองาม

หลังจากนั้น ไม่มีคนงานไปแวะเยี่ยวที่ต้นโพธิ์นั่นอีกเลย.. แล้วพอไปๆ มันดันมีคนเอาของมาไหว้เพิ่ม มีคนเอาม้าลายมาแก้บน อะไรอีกก็ไม่รู้ เยอะแยะไปหมด จนตรงต้นโพธิ์นั่น กลายเป็นสถานที่เฮี้ยน ฮิตติดชาร์ต ไปในที่สุด ไอ้เพื่อนผมคนนั้น มันบอกว่าขับรถผ่านทีไรเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้แทบทุกครั้ง ก็ปล่อยให้มันเป็น Urban Legend กันต่อไป

และทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่อง 2 มุม ไม่มีข้อสรุป แล้วแต่ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/474340

เอาแล้วไง? บ้านไฟไหม้ปริศนา ผวา เมื่อหลาน 2 ขวบ บอกความจริงบางอย่าง

เอาแล้วไง? บ้านไฟไหม้ปริศนา ผวา เมื่อหลาน 2 ขวบ บอกความจริงบางอย่าง

จากกรณีไฟปริศนาลุกไหม้สิ่งของภายในบ้านเลขที่ 144 หมู่ 6 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านของ นายล้อม ศักดิ์หวาน มาตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา กว่าร้อยครั้ง แต่ไม่สามารถหาสาเหตุได้

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ นายล้อมและครอบครัว โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายวินัย กำลังพูดคุยกับคนในบ้าน จู่ๆน้องปราย หลานสาวนายล้อม วัย 2 ขวบ ร้องบอกว่าเกิดไฟไหม้ในห้อง จึงวิ่งไปดูและพบว่าไฟกำลังลุกไหม้ที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ทั้งที่ในห้องที่ไม่มีใครอยู่ สร้างความฉงนกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างมาก

นายวินัย กล่าวว่า เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวนายล้อม เท่านั้น ส่วนเหตุไฟลุกปริศนา เบื้องต้นได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประสานกับหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านนี้ มาเก็บหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์หาสาเหตุที่ชัดเจนเสียก่อน หากพูดตอนนี้อาจคลาดเคลื่อนความเป็นจริง ทั้งนี้หากหาเหตุไม่เจอจะต้องถึงขั้นย้ายครอบครัวออกจากบ้าน ก็พร้อมให้การช่วยเหลือ

ด้าน นายล้อม กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.เป็นต้นมา เกิดไฟไหม้ในบ้านแล้ว 167 ครั้ง กระทั่งล่าสุดวันที่ 22 เม.ย.ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเยี่ยมก็ยังเกิดอีกถึง 7 ครั้ง และที่ประหลาดใจคือเมื่อเกิดไฟไหม้หลานสาวอายุ 2 ปี จะร้องบอกทุกครั้ง ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการช่วยกันดับไฟได้

ล่าสุด น้องปรายนั่งเล่นอยู่กับญาติ ได้ตะโกนบอกไฟไหม้ในห้องครัว ทำให้ผู้เป็นพ่อ และญาติคนอื่นวิ่งไปหาพร้อมกับน้องปรายแต่หาไม่พบ น้องปรายเลยตะโกนบอกว่าไฟไหม้หม้อหุงข้าว เมื่อเปิดดูพบเปลวเพลิงไหม้อยู่จริง และเมื่อถามน้องว่าใครเป็นคนจุด น้องก็พูดแบบเปรยๆว่า เพื่อนจุด และทุกคนพยายามมองหาก็ไม่พบใคร จนถึงตอนนี้ปริศนาดังกล่าวก็ยังคงเป็นสิ่งเร้นลับต่อไป

บ้านร้างซอยรามคำแหง 32 กรุงเทพฯ

บ้านร้างซอยรามคำแหง 32 กรุงเทพฯ

เจ้าพ่อเรื่องผี เล่าถึงสถานที่สุดท้ายว่า ที่นี่เป็นตำนานเมื่อสมัยนานมากแล้ว เป็นบ้านยุคแรกๆ ที่เกิดการพูดถึงเป็นบ้านทรงสเปนที่สร้างอยู่ในซอยรามคำแหง แต่ปัจจุบันบ้างหลังนี้ถูกทุบทิ้งไปแล้ว ในอดีตบ้านนี้เป็นบ้านเก่า ที่ว่ากันว่าถูกฆ่าตายและคนใช้ยังไม่ไปไหนยังสิ่งสถิตอยู่ในบ้าน เจ้าของเป็นฝรั่งเขากลัวก็ต้องย้ายออกไปทิ้งเป็นบ้านร้าง หลังจากนั้นก็มักจะมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย ดังมาจากบ้านร้างบ่อยๆ และมีคนเห็นผู้หญิงลึกลับยืนอยู่หน้าบ้านเป็นประจำเมื่อเข้าไปใกล้ก็หายไป เราก็ได้ไปบ้านหลังนี้กัน พอเข้าไปปุ๊บรถสตาร์ตไม่ติด และก็มีคนเห็นผู้หญิงแวบไปห้องนี้ห้องนั้น ใครก็ไม่รู้เดินตามทีมงาน บรรยากาศก็น่ากลัว

ป๋อง กพล ยังทิ้งท้ายไปถึงคนที่อยากลองของในวันฮาโลวีนนี้ว่า ของแบบนี้มันก็ไปห้ามกันไม่ได้ เราก็ได้แค่เตือนมากกว่า จริงๆ แล้วถ้าไม่ไปก็ดี แต่ถ้าไปก็ต้องเซฟตัวเอง ระวังด้วยทั้งเรื่องจากสิ่งที่มองไม่เห็น และระวังเรื่องโจรมิจฉาชีพด้วย ส่วนเรื่องสิ่งลี้ลับแต่ละคนมันมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน พี่ก็ไม่ห้ามใครถ้าอยากจะไปเพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ไม่ห้ามแต่แค่ปรามให้ระมัดระวังแค่นั้นเอง.

เกาะร้าง (ใกล้ๆ เกาะสีชัง) จ.ชลบุรี

เกาะร้าง (ใกล้ๆ เกาะสีชัง) จ.ชลบุรี

เกาะนี้ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็น "เกาะผี" คือเวลาใครเสียชีวิตจากเกาะสีชังเขาก็จะเอาศพมาฝังไว้ที่เกาะนี้ คนที่ออกหาปลาหรือเดินทางทางเรือเจอศพลอยอยู่เขาก็จะเอามาฝังไว้ที่เกาะนี้ เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆไม่ใหญ่ เดินไม่เท่าไหร่ก็รอบแล้ว เกาะมีทั้งสุสานจีน สุสานไทย สุสานของคนอิสลาม เหมือนจะมีการแบ่งเป็นโซน

ที่นี่ก็จะเป็นที่ร่ำลือกันว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็น คนเรือจะไม่ยอมไปที่นี่เด็ดขาด ขนาดที่ไปวันนั้นเราก็ต้องคุยกันเยอะ กว่าเขาจะยอมไปส่งเราที่เกาะ เราก็ต้องให้เงินเพิ่มด้วย เขาก็ขอเราว่าถ้าไปส่งแล้วเขาขอกลับเลยนะ เขาไม่อยู่ด้วย ตอนเช้าเขาก็จะมารับ เท่ากับว่าเราเป็นกลุ่มเดียวที่ถูกทิ้งไว้บนเกาะหนึ่งคืน ตอนนั้นมีแฟนรายการไปด้วย มีเด็กคนหนึ่งต้องทำภารกิจไปนั่งใจกลางป่าช้าเลย แต่เหมือนเขาจะไม่นิ่งเขาเผลอลืมตา เห็นเป็นคนแต่มีแค่ครึ่งท่อนล่าง เขาก็วิ่งออกมาแบบเสียสติ ร้องห่มร้องไห้ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องนานทีเดียว วันนั้นก็มีปัญหามากไฟกล้องดับ ไฟฉายดับ พร้อมกับตอนนั้นมีต้นไม้อยู่กลุ่มนึงพัดโบกเอน ทั้งๆ ที่ไม่มีลม เราก็กอดกันกลมเลย กลั๊วกลัว

ป่าช้าเก่า (ใกล้ๆ บริเวณที่เจมส์ เรืองศักดิ์เครื่องบินตก) จ.สุราษฎร์ธานี

ป่าช้าเก่า (ใกล้ๆ บริเวณที่เจมส์ เรืองศักดิ์เครื่องบินตก) จ.สุราษฎร์ธานี

ป๋อง กพล เล่าถึงสถานที่นี้ว่า บริเวณนั้นเป็นพวกสุสานโบราณ สุสานเก่า ตรงนั้นมันจะมีพวกต้นตะเคียนคู่ ต้นยาง ต้นไม้ใหญ่ มีหลุมศพแล้วก็มีเชิงตะกอนโบราณสร้างด้วยอิฐมอญ สร้างขึ้นมาเป็นแท่งไม่ได้เป็นเมรุเหมือนปัจจุบันนี้ เข้าไปบรรยากาศก็หลอน ลองนึกภาพถึงบรรยากาศต่างจังหวัด แล้วก็สุสานเก่าด้วยทุกย่างก้าวที่เราย่างไปจะไปโดนเหยียบอะไรบ้าง

ความรู้สึกของเราตอนที่เข้าไปที่นั่นคือ มีลักษณะเหมือนเป็นงูเผือกลอดใต้หว่างขาพี่ แล้วก็มาอยู่ข้างหน้าพี่ ตอนนั้นทุกคนก็ไม่กล้าขยับ นิ่งกันหมด พอเขามาประจันหน้าห่างกันสักศอกนึงได้ ก็แผ่แม่เบี้ยใส่เรา เราก็ไม่กล้าขยับนึกในใจว่าเรามาทำงานนะ ขอให้พระคุณพ่อแม่ช่วยปกปักรักษาลูกด้วย สักพักเขาก็เลื้อยหายไปในป่าเลย เราสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นงูเจ้าที่รึเปล่า อาจจะมาดูว่าเรามาทำอะไรกัน บรรยากาศที่นั่นมันก็จะหลอนๆ แวบไปแวบมา มีกลิ่นมีเสียงซะมากกว่า

บ้านเก้าหลัง ซอยวัชรพล รามอินทรา กรุงเทพฯ

บ้านเก้าหลัง ซอยวัชรพล รามอินทรา กรุงเทพฯ

ป๋อง กพล เล่าถึงบ้านเก้าหลังว่า ในอดีตสถานที่นี้มีเรื่องเล่ากันมาว่าเป็นหมู่บ้านเก่าสร้างไม่เสร็จ ในสมัยก่อนซอยวัชรพล ถ้าย้อนกลับไปสักยี่สิบสามสิบปีที่แล้วแท็กซี่ก็จะไม่กล้าเข้าเพราะจะมีการลวงไปฆ่า จี้ ปล้น ปาดคอ ลากแท็กซี่ไปทิ้งไว้ในบึงในบ่อ ที่เคยเป็นข่าวดัง จริงๆ ที่นี่มันเป็นหมู่บ้านที่สร้างไม่เสร็จ

"บรรยากาศมันก็จะเป็นบ้านเก้าหลังสร้างติดๆ กัน แต่ละหลังลักษณะก็จะเป็นบ้านสองชั้นบรรยากาศน่ากลัว ตอนที่เข้าไปถ่ายรายการก็มีคนเห็นใครสักคนไม่รู้อยู่บนชั้นสอง แต่พอเราวิ่งไปดูที่ชั้นสอง ปรากฏว่าไม่มีบันไดขึ้นชั้นสอง สักพักเราเห็นมีคนกระโดดมาจากชั้นบน ตอนนั้นเราก็วิ่งไปดูกันก็ไม่มีอะไร วันนั้นมีแฟนรายการไปร่วมทำกิจกรรมมีการปอกแอปเปิ้ลหน้ากระจก เขาเห็นในกระจกไม่ใช่หน้าเขา เหมือนเป็นหน้าผี ซึ่งเราก็ไม่รู้จริงไหมเพราะเราไม่เห็น แต่พอเขาออกมาเขาก็พูดไม่ได้ศัพท์ มีอาการกลัวๆ ถือเป็นอีกที่ที่หลอนๆ"

สถานบันเทิงร้างแห่งหนึ่ง จ.กาญจนบุรี

สถานบันเทิงร้างแห่งหนึ่ง จ.กาญจนบุรี

เจ้าพ่อเรื่องผี เล่าว่า ความน่ากลัวของมันคือคงจะเป็นตัวสถานที่ เพราะก่อนหน้านี้มันจะสร้างเป็นที่คุมขัง พอเข้าไปข้างในแล้วบรรยากาศมันก็จะดูอึมครึม โศกเศร้า พอเข้าไปก็จะมีตู้กระจกที่มีไว้ให้ผู้หญิงเข้าไปนั่ง แล้วผู้ชายก็เข้าไปใช้บริการ มีพวกโต๊ะ อารมณ์เหมือนเป็นคาเฟ่เล็กๆ พอด้านในก็ถูกแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ เอาไว้ทำอะไรกันสักอย่างนี่แหละ ห้องก็เล็กมาก แค่เอนกายลงนอนแค่นั้นเอง

พอมันกลายเป็นที่ร้างปุ๊บ ในอดีตมันก็จะมีการเขียนถึงความทุกข์ ความโศกเศร้าที่ต้องมาทำงานที่นี่ ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน หลังจากพอมันกลายเป็นที่ร้างก็เป็นที่ร่ำลือ เราก็เลยมีโอกาสได้ไปเยือนมันก็น่ากลัวจริง เหมือนกับว่าเคยมีคนเข้าไปแล้วมันยังเปิดใช้บริการอยู่ มีคนเข้าไปแล้วพูดว่าเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่อยู่ในนั้นมาสัมผัสที่ตัวบ้าง มาให้เห็นแวบไปแวบมา เสียงร้องโหยหวนจากสถานที่ตรงนั้น

มหาวิทยาลัย ก. เรื่องเล่านักศึกษาชุดดำ ลิฟต์อาคาร 9 สยอง

มหาวิทยาลัย ก. เรื่องเล่านักศึกษาชุดดำ ลิฟต์อาคาร 9 สยอง

"มหาวิทยาลัยใจกลางเมือง" อักษรย่อ ก. เล่ากันต่อๆ กันมาว่า มีคนงานเสียชีวิตหลังจากตกลิฟต์อาคาร 9 จากนั้นตอนดึกๆ มักจะมีคนกดเรียกไปยังชั้นบนสุด พอเปิดมาก็ไม่เจอคน แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาในลิฟต์ ขณะที่ความสยองก็ไปโผล่ที่อาคาร 10 ด้วยเช่นกัน เขาบอกว่า มักมีนักศึกษาแต่งชุดดำ เข้ามานั่งเรียนด้วยเป็นประจำ...หูยยย

ที่เด็ดสุด...คงเป็นเรื่องศาลพระภูมิล่องหน ที่หอพักหน้ามหาวิทยาลัย เขาว่ากันว่า นักศึกษาใหม่ๆ มักจะเห็นว่ามีศาลพระภูมิตั้งอยู่ หลายคนเถียงกันคอเป็นเอ็น ว่ามีและไม่มี แต่สุดท้ายความจริงปรากฏ คือไม่มีอยู่จริง! ประเด็นคือ แล้วมันอันตรธานหายไปตอนไหน ใครรู้บ้าง?? สิ่งที่เห็น ภาพลวงตา หรือ??

ทั้งหมดของเรื่องเล่าเหล่านี้ ถูกเล่าลือ ขับขานกันต่อๆ มา "ไทยรัฐออนไลน์" รวบรวมและร้อยเรียงมาเล่าสู่กันอ่าน ส่วนเรื่องราวความจริง เป็นอย่างไรนั้น คำตอบ...คงไม่มีใครชี้ชัดว่าใช่หรือไม่อย่างไร!! เพราะ "ความเชื่อ-ความศรัทธา" ล้วนเกิดจากจิตใจของมนุษย์ทั้งสิ้น บทความนี้จึงเป็นแค่การนำความสยดสยอง ชวนเสียขวัญ เขย่าประสาท เพื่อสร้างบรรยากาศ ต้อนรับวันฮาโลวีนนั่นเอง...

มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ลานประหาร หญิงสาวโจงกระเบน

มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ลานประหาร หญิงสาวโจงกระเบน

ขาว่ากันว่า ที่นี่ผีดุ!! "มหาวิทยาลัยชื่อดัง" ย่านนครปฐม ด้วยความที่มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่บนเนื้อที่เดิมของเขตหวงห้ามโบราณ ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ ความวังเวงชวนสยองก็เกิดขึ้นตามมา แทบจะทุกพื้นที่ของสถาบันแห่งนี้ก็ว่าได้ แต่ที่นี่จะเน้นความเป็นไทย อย่าง ชุดสไบ ชุดไทย ชุดโจงกระเบน อย่างที่บอกพื้นที่วังเก่า ทุกจุดล้วนมีความหมาย

จะจะ...ก็คณะอักษรศาตร์ ชั้น 2 จะมีคนเห็นคนโบราณนุ่งโจงกระเบนสีแดงสดบ่อยๆ และที่ศาลหน้าตึกนี้เอง ก็ศักดิ์สิทธิ์และน่ากลัวไม่น้อย หากใครทำอะไรไม่เหมาะสม จะโผล่มาเป็นร่างๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเขาลือกันว่า "ห้ามบน" แต่จะขอน่ะ ขอได้ ขออะไรก็สำเร็จไปเสียหมดด้วย

ต่อกันที่ ลานประหารเก่า ที่ปัจจุบันเขาเรียก ลานทรงพล บรรยากาศโดยรอบก็ร่มรื่นดี แต่พอรู้ว่าเป็นลานประหารเก่า เท่านั้นแหละ! เสียวสันหลังวาบ ชุดสไบ จะโผล่มาเป็นระยะๆ เรื่องเพลงประจำมหาวิทยาลัย ก็โด่งดังไม่น้อย เขาเล่าว่า หากใครร้องเพลงกลิ่นจันทร์ในยามค่ำคืน แล้วร้องไม่จบ หญิงในชุดไทยจะปรากฏตรงหน้าทันที

เรือนนางสนม ก็เป็นอีกแห่ง เห็นว่ามีอายุเก่าแก่มาก น่ากลัวที่สุดไหม ต้องให้คนทับแก้วพิจารณา เป็นที่ร่ำลือว่า หากใครปั่นจักรยานตอนดึกๆ รถมันจะค่อยๆ หนักขึ้น เนื่องจากผู้หญิงชุดไทยไม่มีหน้า จะมานั่งซ้อนท้ายด้วย

มหาวิทยาลัย ลิฟต์ตึก 3 พาขนหัวลูก

มหาวิทยาลัย ลิฟต์ตึก 3 พาขนหัวลูก

เริ่มที่ตึก 3 ตึกเก่าแก่ของมหาวิทยาลัย ลิฟต์ตึก 3 มันชอบกล โดยเฉพาะเวลากลางคืน แต่กลางวันมันก็ใช้งานได้ตามปกติ ส่วนที่มันชอบกล คือมันชอบจอดในชั้นที่ไม่ได้กด เน้นๆ ก็ชั้น 5 ที่เขาลือกันว่า มักเห็นหญิงสาวชุดขาวในกระจกข้างลิฟต์เป็นประจำ แต่ความจริงคือ มันไม่มีกระจก...ฮึ่มมมม แถมตึกนี้ ยังมีเครื่องเซ่นไหว้โผล่วางอยู่หน้าห้อง 508 สม่ำเสมอ แต่รุ่งสางทีไร เครื่องเซ่นไหว้เหล่านั้นจะหายไปเอง

เปลี่ยนมาที่ตึกวิศวะบ้าง โคตรหลอน..ขอบอก เรื่องมีอยู่ว่า ฝ่ายชายลากฝ่ายหญิงเข้าไปเคลียร์เรื่องรักขมในห้องน้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น โดยฝ่ายชายได้ยิงฝ่ายหญิงเสียชีวิต ก่อนจะยิงตัวตายตาม เขาเจอกันแบบจังๆ คือเวลาเดิม บริเวณเดิม จะมีเสียงปืนดังขึ้น เสมือนเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นซ้ำๆ จนเรื่อยไป แถมว่ากันว่า ห้องน้ำห้องนี้ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่ง ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณด้วย

มหาวิทยาลัยนี้มีผีสาวสุดสะพรึง...

มหาวิทยาลัยนี้มีผีสาวสุดสะพรึง...

เขาเล่ากันว่า ที่หน้าตึกเศรษฐศาสตร์ มีอิฐอยู่ก้อนหนึ่ง ที่เกยขึ้นมา และจะไม่ตรงกับอิฐก้อนอื่นๆ โดยนักศึกษาลือกันว่า ห้ามเหยียบอิฐก้อนนั้นเด็ดขาด เพราะมีประวัติว่า มีนักศึกษาชายคนหนึ่ง ทะเลาะกับแฟน เรื่องเลิกกัน สุดท้ายได้ตัดสินใจกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตที่บริเวณอิฐก้อนนั้น จึงมีความเฮี้ยนเกิดขึ้น เขาบอกว่ามีความพยายามที่จะทำบริเวณนั้นให้ดีขึ้น แต่แก้ไขอย่างไร อิฐก้อนนั้นก็ยังเกยกันเหมือนเดิม อันนี้ไม่รู้เกี่ยวกับที่เขาร่ำลือกันรึเปล่านะ ว่าสถาบันนี้มีคนโดดตึกบ่อยๆ

อีกสักแห่งในรั้วแห่งนี้ ที่ตึกกิจการนิสิต เขาเล่าต่อๆ กันมาว่า สมัยก่อนตึกกิจการนิสิตนี้ เป็นอาคารไม้ชั้นครึ่ง และมีคนผูกคอตาย ความหลอนก็มีมาต่อเนื่องเรื่อยๆ ว่ามีคนอยู่ในห้อง สุดท้ายกลับวิ่งหนีไป แต่จะไปทางไหนได้ เมื่อมีประตูทางเข้าออกอยู่ทางเดียว ป้าดดด...แล้วเขาไปไหน แล้วเขาเป็นใคร (ใครหรือคน) (คนหรือผี)…บรื๋อออออ

ธรรมศาสตร์ กับ ลึกลับลิฟต์แดง!!!

ธรรมศาสตร์ กับ ลึกลับลิฟต์แดง!!!

เริ่มแรกกับมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งประเทศไทย "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ประวัติศาสตร์หลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ นั่นหมายรวมถึงเรื่องของ ผอ-สระอี=ผี ด้วย

"ลิฟต์แดง" …แหม่!! แค่เอื้อนเอ่ยชื่อ ขนบริเวณหลังก็ลุกซู่

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า เมื่อการเมืองลุกลามสู่นักศึกษา เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ จึงเป็นที่มาของชื่อลิฟต์ โดยมีการเล่าอ้างอยู่ 2 ประเด็น คือ 1. ลิฟต์ตัวดังกล่าว ใช้ขนศพนักศึกษาลงมาจากชั้นบน โดยเลือดได้เปื้อนลิฟต์เป็นจำนวนมาก เขาจึงเรียกลิฟต์แดง 2. เล่าต่อกันมาว่า นักศึกษาได้เข้าไปหลบอยู่ภายในลิฟต์ พอลิฟต์เปิด นักศึกษาทั้งหมดจึงถูกยิงเสียชีวิต โดยมีเลือดกระจายเต็มไปทั่วทั้งลิฟต์ ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ทำความสะอาดแล้ว แต่ยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ มหาวิทยาลัยจึงทาลิฟต์ตัวดังกล่าวให้เป็นสีแดง

ตำนานจึงเกิด... เมื่อมีนักศึกษาสาวขึ้นลิฟต์มาเพียงลำพัง แต่เมื่อมองไปที่กระจก กลับพบมีคนอื่นยืนอยู่ด้วยมากมาย จากนั้นก็มีอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาหลายๆ คน ต่างก็พานพบกับเหตุการณ์สยองขวัญมาอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยจึงตัดสินใจเปลี่ยนลิฟต์ใหม่ตั้งแต่นั้นมา ส่วนความอาถรรพ์...ก็ยังไม่จบลง

เลขเด็ดผีหัวขาด! พลิกฝาโลงเจอจังๆ พระเตือนอย่างมงาย

เลขเด็ดผีหัวขาด! พลิกฝาโลงเจอจังๆ พระเตือนอย่างมงาย

เกิดปรากฏการณ์สุสานแตกก่อนวันหวยออก เมื่อมีคนแห่มาไหว้พระธุดงค์ที่ปักกลดอยู่ในสุสานศพไร้ญาติ มาบฟักทอง จ.ชลบุรี ส่วนหนึ่งมุ่งไปหาเลขเด็ดจากโลงศพหัวขาดลอยทะเล พลิกฝาโลงเจอจังๆ เด่นๆตัวเดียว...

วันที่ 31 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใกล้ถึงวันหวยออก ที่สุสานศพไร้ญาติ มาบฟักทอง ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกิดปรากฎการณ์พุทธศาสนิกชนแห่ทะลักมาที่สุสาน เพื่อกราบไหว้ขอพรจากพระครูปลัด ชนินท์พัฒณ์ แก้วกัลยา อายุ 35 ปี สังกัดวัดกันมาตุยาราม กรุงเทพมหานคร พระธุดงค์ที่ปักกลดฝึกจิต แผ่ส่วนบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณศพไร้ญาตินานกว่า 5 เดือน หลังจากมีการประกาศว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่มาร่วมสร้างมหาบุญให้กับดวงวิญญาณที่สถิตในที่แห่งนี้

ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มคอหวย และนักแสวงหาเลขเด็ดหลั่งไหลแฝงตัวเข้ามา เพื่อหวังจะได้เลขเด็ดกลับไป หลังมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่า เมื่องวดวันที่ 16 มี.ค.58 ที่ผ่านมา มีผู้แสวงบุญได้โชคลาภจากดวงวิญญาณศพไร้ญาติ บ้างก็มานิมิตบอก บ้างก็นำเลขหลุมฝังศพ 151 ไปตีเป็นหวยถูกกันนับล้านบาท

โดยงวดนี้ นักเล่นหวยได้มุ่งเป้าไปที่โลงศพสีเหลือง ซึ่งอดีตเคยใช้บรรจุศพหัวขาดลอยทะเลมาติดที่เขาหมาจอ ต.แสมสาร ถูกวางทิ้งไว้ในหลุมฝังศพ เมื่อไปพลิกดูพบว่า ที่ฝาโลงด้านในมีตัวเลขสีดำหมายเลข 30 ขึ้นประจักษ์แก่สายตาอย่างเด่นชัด สร้างความฮือฮา และทำให้แผงหวยที่มารอขายหมดเกลี้ยงในพริบตา

ด้าน พระครูปลัด ชนินท์พัฒณ์ แก้วกัลยา ได้กล่าวกับญาติโยมว่า อย่าไปงมงาย อย่าให้อบายมุขครอบงำ อยากให้ทุกคนหมั่นทำบุญ สร้างกุศล และผลบุญจะตอบแทนกลับมา แต่หากผู้ใดมีบุญวาสนา ได้โชคลาภกลับไป ก็ขอให้ทำบุญให้กับเหล่าดวงวิญญาณไร้ญาติ ที่ต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมานมานานแสนนาน ไม่เคยมีลูกหลานอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ ก็จะถือว่าท่านได้ทำบุญและได้สร้างทานที่ยิ่งใหญ่.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/490269

วงจรปิดจับภาพได้จะจะ จู่ๆแก้วเบียร์แตกเองได้ ฝรั่งแตกตื่นเชื่อเป็นฝีมือ"ผี"

วงจรปิดจับภาพได้จะจะ จู่ๆแก้วเบียร์แตกเองได้ ฝรั่งแตกตื่นเชื่อเป็นฝีมือ"ผี"

เว็บไซต์มิร์เรอร์ของอังกฤษเปิดเผยคลิปที่กำลังเป็นประเด็นฮือฮามากในโลกออนไลน์ เมื่อกล้องวงจรปิดของผับแห่งหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์ จับภาพเหตุการณ์ประหลาดมาได้

เมื่อชายในเสื้อสีเทาแขนสั้น หันหลังจากโต๊ะไปทางเคาน์เตอร์เพียงไม่กี่วินาที โดยวางแก้วเบียร์ทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่พอหันกลับมา ปรากฎว่าแก้วนั้นแตกโพละต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่ ไม่มีใครเอามือไปถูกมันเลย

เจ้าของผับก็เลยเอาคลิปนี้ไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก พร้อมเขียนคำบรรยายว่า เชื่อว่าแก้วแตกเพราะวิญญาณของโจ เมอร์ฟี่ ลูกค้าประจำของร้านที่เสียชีวิตไปแล้ว

ในขณะที่ชาวเน็ตต่างก็กระหน่ำกันมาแสดงความคิดเห็น โดยบ้างก็ว่าน่ากลัวขนลุกขนพอง ในขณะที่อีกฝ่ายเถียงว่า อาจจะเป็นเพราะมีใครไปเตะโต๊ะ หรือไม่ก็รินเครื่องดื่มเย็นจัดเข้าไปในภาชนะอุ่นๆ แก้วจึงแตก

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=LjO6eXboMTI

แห่เผาผีต้นกล้วยหลังสร้างเมรุ

แห่เผาผีต้นกล้วยหลังสร้างเมรุ

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมรุเผาศพ วัดป่าศิลาทอง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พระครูโสภณธรรมโฆษิต เจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายไชยวัฒน์ พันธ์นรา รอง ผวจ.กำแพงเพชร ประธานฝ่ายฆราวาส พระอาจารย์บุญเพ็ง ทตธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าศิลาทอง พร้อมพระลูกวัด ชาวบ้านศิลาทอง และชาวบ้านโคกเขา ต.เสม็ด กว่า 300 คน ร่วมพิธีฌาปนกิจศพผีต้นกล้วย ตามประเพณีความเชื่อหลังสร้างเมรุเผาศพเสร็จ โดยนำต้นกล้วยขนาดใหญ่เจาะเป็นรูปหน้าคนและสวมเสื้อผ้าใส่ลงในโลงศพ ก่อนร่วมกันทำพิธีรดน้ำศพ แห่ศพรอบเมรุ และวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นนำเข้าเตาเผาศพ พร้อมแจกของชำร่วยเป็นสบู่ให้ผู้มาร่วมงานและโปรยทาน โดยทุกขั้นตอนทำเหมือนพิธีฌาปนกิจศพทั่วไป

นายจันทร์ ฮาเจริญกุล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านศิลาทอง ม.16 ต.เสม็ด เผยว่า การเผาผีต้นกล้วย โดยทำพิธีกรรมสวดอภิธรรมศพและฌาปนกิจเหมือนศพคนจริงทุกขั้นตอน นับเป็นพิธีกรรมความเชื่อสืบทอดต่อกันมานาน หลังจากวัดสร้างเมรุเผาศพเสร็จแล้วจะต้องทำพิธีเผาผีต้นกล้วย โดยมีชื่อสมมติตามความเชื่อของชาวบ้านศิลาทองว่า คุณตา กล้วย ตานี ชาตะ 2443 มรณะ 12 มี.ค. 2558 เสียชีวิตด้วยโรคชรา อายุ 115 ปี

นายจันทร์กล่าวอีกว่า การเอาต้นกล้วยมาเผาจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างเมรุให้มีแต่เรื่องดีๆ ทุกข์โศกผ่านไป หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ทำธุรกิจการค้า และติดต่อซื้อขายง่ายเหมือนปอกกล้วย ทั้งยังเป็นการทดสอบเตาเผาศพว่าจะสามารถทนความร้อนได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อให้สมกับการลงทุนสร้างเตาเผาศพดังกล่าว ด้วยงบประมาณ 1.1 ล้านบาท

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01EVXdNekUyTURNMU9BPT0=

ทำบุญปัดเป่า ร.ร.ผีเฮี้ยน! ปล่อยวิญญาณ นักโทษนับร้อย

ทำบุญปัดเป่า ร.ร.ผีเฮี้ยน! ปล่อยวิญญาณ นักโทษนับร้อย

โรงเรียนเฮี้ยนที่ระยองทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณ พร้อม อัญเชิญองค์เจ้าพ่อเจตคุปต์-ตั้งศาลในโรงเรียน ผบ.เรือนจำกลางระยองเผยหลังย้ายคุกไม่ได้ทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณ ที่ผ่านมามีนักโทษตายนับร้อย ทำให้ต้องมาจัดทำพิธีอีกครั้ง เพื่อให้วิญญาณได้หลุดพ้น ด้านนายก อบจ.ระยอง ระบุเพื่อความสบายใจทุกฝ่าย จึงยินดีให้ทำพิธี ขณะที่บรรดาผู้ปกครองพอใจ-สบายใจ

จาก กรณีครูและนักเรียนของโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง อ.เมือง จ.ระยอง ต่างหวาดผงาดกับสิ่งเร้นลับและเหตุการณ์ประหลาดที่ประสบพบเจอในโรงเรียน ทั้งประตูเปิดปิดเอง ได้ยินเสียงลากโซ่ตรวน ในห้องน้ำ และช่างก่อสร้างสระว่ายน้ำเจอใบหน้าคนโผล่ในพื้นสระน้ำกลางวันแสกๆ เมื่อตรวจสอบพบโรงเรียนตั้งอยู่บนที่ดินเรือนจำเก่าที่ย้ายออกไป ตามที่ข่าวสดเคยเสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ย. นายกิตติพัฒน์ เดชะพหุล ผบ.เรือนจำกลางระยอง พร้อมด้วยนายมานะ ชูติวงศ์ อดีตผบ.เรือนจำกลางระยอง และเจ้าหน้าที่เรือนจำ เดินทางเข้าพบนายมานิตย์ จันวัน ผู้บริหารโรงเรียน และนางรัชนี สุวรรณเกษร ผอ.โรงเรียน เพื่ออัญเชิญองค์เจ้าพ่อเจตคุปต์ ซึ่งเป็นเทพารักษ์ที่เคารพนับถือของประชาชนและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ มาตั้งภายในโรงเรียน โดยมีพราหมณ์มาทำพิธีปลดปล่อยเหล่าวิญญาณที่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ตั้งเรือนจำเก่า

นายกิตติพัฒน์กล่าวว่า หลังทราบข่าวถึงความเฮี้ยนที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ที่สร้างบนพื้นที่เรือนจำกลางระยองเก่า จึงสืบประวัติจากเจ้าหน้าที่เรือนจำที่เคยอยู่ในช่วงการย้ายคุก รวมทั้งสอบถามไปยังนายมานะ อดีตผบ.เรือนจำ ที่ดำรงตำแหน่งในขณะย้ายเรือนจำระยองไปแห่งใหม่ จึงทราบว่ายังไม่ได้ทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณของเหล่านักโทษที่เสียชีวิตในเรือน จำ ซึ่งเรือนจำดังกล่าวสร้างเมื่อปี 2511 จนกระทั่งย้ายไปเมื่อปี 2547 จึงมีนักโทษทั้งหญิงและชายเสียชีวิตนับร้อยราย และยังมีการประหารนักโทษชาย 1 ราย ที่กระทำผิดในข้อหาข่มขืนแล้วฆ่าในเรือนจำแห่งนี้ด้วย นอกจากนี้พื้นที่เรือนจำเก่าแห่งนี้ยังเคยเป็นสุสานมาก่อน

นาย กิตติพัฒน์กล่าวอีกว่า ตามความเชื่อหากย้ายเรือนจำทุกครั้ง จำเป็นต้องทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณของเหล่านักโทษที่เสียชีวิต เพื่อให้หลุดจากการคุมขัง แม้แต่กรณีที่นักโทษเสียชีวิต เรือนจำจะทำเรื่องปิดประกาศทุกครั้งว่านักโทษที่เสียชีวิตได้พ้นโทษจากการ จองจำแล้ว เพื่อให้วิญญาณได้หลุดพ้น ตนจึงประสานไปหานายมานะ ให้มาร่วมทำพิธี โดยโรงเรียนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยินดีให้ทำพิธี เพื่อให้เกิดความสบายใจ ทั้งคณะครู นักเรียนและบุคลากรของโรงเรียนจะได้ทำงาน โดยไม่กังวลกับเรื่องสยองขวัญอีก

ด้าน นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า โรงเรียนได้สร้างทั้งรูปปั้นพระเจ้าตากทรงม้า และยังตั้งชื่อโรงเรียนว่ามัธยมตากสินระยอง เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งก่อสร้างพระพุทธอังคีรส พระพุทธรูปคู่เมืองระยอง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของนักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน ส่วนเรื่องวิญญาณนั้นถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่เมื่อมีการทำพิธีจากเรือนจำกลางระยอง โรงเรียนก็ยินดีและพร้อมเข้าร่วมทำพิธีด้วย เพื่อให้เกิดความสบายใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคนด้วย

ต่อ มานายสมชาย คำสมาน พราหมณ์ ผู้ประกอบพิธี เดินทางมายังโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง โดยตั้งโต๊ะพิธีไบริเวณศาลาหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน ซึ่งเดิมเมื่อครั้งมีเรือนจำเคยเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิ โดยพราหมณ์นำรูปปั้นช้าง 6 รูป รูปปั้นม้า 6 รูป รูปปั้นผู้ชายในชุดไทยนั่ง 6 รูป และรูปปั้นผู้หญิง 6 รูป พร้อมด้วยเครื่องเซ่นคาวหวานที่วางไว้หน้าองค์รูปเจ้าพ่อเจตคุปต์ ทรงยืนเนื้อโลหะ แต่ขณะที่พราหมณ์กำลังท่องคาถาปรากฏว่ารูปปั้นม้าได้ตกลงแตก 1 รูป สร้างความแปลกใจให้กับผู้เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีลมแต่กลับตกลงมาเองได้ โดยพราหมณ์ระบุว่าวิญญาณได้หนีไปหนึ่งตน

หลัง ทำพิธีเสร็จได้เชิญรูปปั้นทั้งหมด รวมถึงเครื่องเซ่นไปยังศาลเรือนไม้ขนาดเล็กตั้งอยู่ใต้ต้นยางใหญ่อายุนับ ร้อยปี พร้อมให้ผู้เข้าร่วมพิธีจุดธูป เพื่อขอย้ายดวงวิญญาณให้ไปสถิตอยู่ที่ศาลดังกล่าว จากนั้นนายกิตติพัฒน์อ่านประกาศโดยมีใจความว่าปลดปล่อยให้กับดวงวิญญาณ ประกาศเพิกถอนอาณาเขตเรือนจำแห่งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยถือว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่มีสถานภาพเป็นเรือนจำอีกต่อไป โดยอ่านประกาศหันหน้าไปทั้งสี่ทิศ

ด้านพราหมณ์สมชายกล่าวว่า ขณะทำพิธีพบดวงวิญญาณประมาณ 80 ดวงวิญญาณ ที่เคยถูกทำพิธีมัดวิญญาณเหล่านี้ไว้ เพื่อให้อยู่ภายในอาณาบริเวณเรือนจำเก่า ทำให้เกิดปรากฏการณ์ของเหล่าดวงวิญญาณมาปรากฏให้เห็น และยังพบวิญญาณของผีตายท้องกลมที่มาปรากฏให้เห็น ซึ่งตรงกับที่นักเรียนเจอว่าเป็นวิญญาณผู้หญิงมาปรากฏ ตนจึงทำพิธีเชิญดวงวิญญาณทั้งหมดให้ไปอยู่ยังศาลไม้ใต้ต้นยางเก่าแก่ และหลังจากนี้ต้องการให้โรงเรียนสร้างศาลขึ้นใหม่ เพื่อให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะกำลังทำพิธีมี ผู้ปกครองส่วนหนึ่งมาร่วมพิธีด้วย ซึ่งต่างสบายใจที่ทำพิธีปัดเป่าวิญญาณ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับลูกหลานอีก

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE56SXlOemc1TkE9PQ==&sectionid=

เป็นแฟนกับผี

เป็นแฟนกับผี

หลอน
นทธี ศศิวิมล

มักมีคนถามเสมอว่าการมีแฟนเป็นผี เป็นอย่างไร ผมมักถามกลับไปว่าแล้วคุณคิดว่าอย่างไรล่ะ เพราะผมเข้าใจคำถามของเขาดี เนื้อคำถามไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือท่าทีและน้ำเสียงที่ดูถูก รวมไปถึงเยาะเย้ยเสียดสี แน่ล่ะ มันหมายความว่าผมเป็นพวกสติปัญญาไม่เต็มเต็ง ก็คนทั่วไปใครจะมีแฟนเป็นผีบ้าง ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นพวกความสามารถพิเศษ!

เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อไม่เคยสนใจเรื่องเกี่ยวกับผีๆ หนังผี ละครผี หนังสือผี ผมก็ไม่ดูไม่สนใจ ออกจะเยาะเย้ยถากถางเสียด้วยซ้ำ โง่ งมงาย ไร้สาระ ผีมีที่ไหน อะไรประมาณนี้!

มันก็เหมือนเรื่องอื่นแหละ หากไม่เจอกับตัว ไม่เชื่อ

ผมพบกับเธอครั้งแรกก็ตอนที่ซื้อฟูกนอนเก่าขนาด 6 ฟุตมาใช้ ตอนนั้นละแวกที่ผมพักมีร้านเปิดใหม่จำหน่ายสินค้ามือสองจากญี่ปุ่น ผมแวะไปหลายหน มักได้ของติดมือกลับมาทุกครั้ง ตอนแรกก็แปลกใจ ฟูกนอนขนาดใหญ่ 6 ฟุต เช่นนี้ไม่น่าจะเป็นของคนญี่ปุ่นและที่สำคัญจะนำเข้าของอย่างนี้มาทำไมกัน มันดูเกะกะกินเนื้อที่และในเมื่อเมืองไทยเราก็หาซื้อได้ไม่ยาก หลังแวะเวียนไปบ่อย พูดจาจนคุ้นเคยกับเจ้าของร้านผมก็ได้คำตอบ แกยอมรับว่าเป็นของมือสองที่แกไปหาซื้อมาเองด้วย

ถึงอย่างไรผมก็ตกลงซื้อที่นอน 6 ฟุตนี้ เพราะด้วยราคาที่เพียงสี่ร้อยบาท บวกกับสภาพก็ดูใหม่สะอาด แถมยังส่งถึงบ้าน ผมตากแดดไปสองแดดก่อนจะนำเข้าบ้านใช้เป็นที่นอนหลังใหม่

คืนแรกนอนหลับสบาย เพียงแต่รู้สึกยวบๆ ชอบกลตลอดทั้งคืน ตื่นเช้าผมมองอย่างสำรวจตรวจสอบก็ไม่พบว่าที่นอนจะยวบยาบเสียรูปทรงจากการผ่านคนนอนมามากๆ และนานๆ

คืนที่สองและสามที่นอนยวบลงมากกว่าคืนแรก ผมเปิดไฟสว่างทั้งห้อง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ คืนต่อๆ มาทุกครั้งที่กำลังเคลิ้มหลับ มักรู้สึกราวกับมีคนค่อยๆ นั่งลงบนที่นอน แล้วล้มตัวลงนอนตาม เพราะมันยวบลงอย่างรู้สึกได้ สักพักเตียงก็หายยวบ ผมหลับต่อ เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน

คืนหนึ่งผมล้มลงนอนเหมือนทุกวัน กำลังจะเคลิ้มหลับก็เหมือนทุกวันนั่นแหละ ผมคิดในใจวันนี้ขอพิสูจน์หน่อยซิ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกทางพุ่งไปกดสวิตช์ไฟในห้องทุกดวง ก็เหมือนคืนแรกผมนั่งมองรอบห้องและสุดท้ายก็ใช้สายตาจับจ้องไปที่ฟูก เฝ้ามองว่ามันจะยวบอีกเมื่อไหร่ จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็น ผมม่อยไปตอนไหน ก็ไม่รู้

จนกระทั่งคืนนั้นแหละ ผมดื่มกับเพื่อนเก่าสองคนที่ไม่ได้เจอกันนานจนเมาหนัก เพื่อนคนที่ไม่เมาอาสาขับรถมาส่งแถมยังช่วยพยุงผมขึ้นห้อง วางผมลงบนที่นอนแล้วลงไปพยุงอีกคนที่ขอนอนที่ห้องผมด้วยขึ้นมา

เพื่อนเล่าในเวลาต่อมาว่าเขาเห็นผมนอนกับผู้หญิงอีกคน ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันนาน เขาคิดว่าเป็นเมียผม ตอนที่เขาเล่าให้ฟัง ผมเฉยๆ ไม่ได้ปฏิเสธ จนเพื่อนคนที่ขอนอนค้างด้วยบอกว่าเขาก็เห็นผู้หญิงนอนข้างผม แถมมองเขาตาขวาง เขายังนึกในใจว่าทำไมเมียผมดุนักไม่พูด จาทักทายต้อนรับ ยังเย็นชาใส่อีก รุ่งเช้าสร่างเมาเขาก็ขอตัวกลับ แล้วเขาก็ห่างๆ ไป เขาบอกว่าเข้าใจว่าเมียผมไม่ชอบหน้านัก ก็เลยไม่อยากมารบกวน

จากนั้นเป็นต้นมามักมีคนเห็นผมเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง บางคนมองจากด้านล่างมายังหน้าต่างห้องพัก มักจะปรากฏเงาผมกับอีกคนในห้องเสมอ

ว่าไปแล้วชีวิตผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงทำงานตามปกติ งานการก็ไม่ได้ผิดพลาด สติปัญญาก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงแต่คนอื่นๆ เท่านั้นแหละที่มักเห็นผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในที่ต่างๆ แม้แต่ในที่ทำงาน

ผมตัดสินใจต้องพบเธอให้ได้ ดึกคืนนั้นระหว่างที่นอนข้างตัวยวบลงอีกผมก็พูดออกไปว่า "ผมอยากพบคุณ อยากพบจริงๆ นะ"

แล้วที่นอนก็หายยวบ ก่อนจะปรากฏร่างเธอให้เห็น ผมตกตะลึง เธอนั่งพับเพียบ มองมายังผม แววตาเธอหวานแต่เศร้า เธอไม่พูดสักคำ เอาแต่ยิ้ม

จากนั้นเป็นต้นมาผมก็มักจะมีเธอไปด้วยทุกๆ ที่ บางทีผมก็พูดกับเธอ แม้คนรอบข้างจะตกใจแล้วลุกหนี หรือเลี่ยงไปทางอื่น แม้เจ้านายจะให้ผมหยุดงานและแนะนำจิตแพทย์เพื่อนของหัวหน้าให้ไปพบ แต่ผมไม่ก็สนใจ ผมไม่ได้เป็นอะไร ปกติดีมีความสุข นานวันเข้าผมแทบไม่ได้พูดกับใครเลย จนหัวหน้าพูดว่า "คุณทำงานดีนะ แต่เรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนในที่ทำงานและลูกค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน ผมแนะนำให้คุณเขียนจดหมายลาออก คุณจะได้รับสิทธิ์ทุกอย่างในการออกจากงานตามที่กฎหมายกำหนด ดีใจที่ได้ร่วมงาน กับคุณ"

ผมก็ดีใจที่ได้ออกมาเสียที พวกเขาไม่เข้าใจผมเลย แล้วจะทำงานไปเพื่ออะไร ทุกวันนี้ผมไม่ได้อยู่ห้องเช่านั้นอีกแล้ว พ่อแม่รับผมมาอยู่ด้วยที่บ้าน เดือนสองเดือนก็ไปหาหมอตามกำหนด ซึ่งก็แล้วแต่เขา สะดวกยังไงก็ตามใจ ผมมีความสุขในแบบของผม วันๆ ช่วยพ่อช่วยแม่ขายของในร้านชำมันก็ง่ายดี

มีแฟนเป็นผีก็ดีแบบนี้แหละ

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF5TURNMU9BPT0=

ฮือฮา!! ชาวบ้านนับร้อยแห่ร่วมพิธีเผาผีต้นกล้วย หลังสร้างเมรุเสร็จ

ฮือฮา!! ชาวบ้านนับร้อยแห่ร่วมพิธีเผาผีต้นกล้วย หลังสร้างเมรุเสร็จ

วันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมรุเผาศพ วัดป่าศิลาทอง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พระครูโสภณธรรมโฆษิตย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายไชยวัฒน์ พันธ์นรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ประธานฝ่ายฆราวาส พระอาจารย์บุญเพ็ง ทตธมโม เจ้าอาวาสวัดป่าศิลาทอง พร้อมพระลูกวัด ชาวบ้านศิลาทอง และชาวบ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ กว่า 300 คน ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ “ผีต้นกล้วย” ตามประเพณีความเชื่อ หลังสร้างเมรุเผาศพเสร็จ

โดยภายในโลงศพ มีต้นกล้วยขนาดใหญ่ เจาะเป็นรูปหน้าคน สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนคน ซึ่งพระสงฆ์และชาวบ้านศิลาทอง ชาวบ้านโคกเขา ต่างพากันทำพิธีรดน้ำศพ แห่ศพรอบเมรุ และวางดอกไม้จันทน์ จากนั้นนำเข้าเตาเผา สัปเหร่อก็ทำการเผาศพทันที พร้อมทั้งมีของชำร่วยเป็นสบู่ แจกให้กับผู้มาร่วมงาน และโปรยทานด้วย โดยทุกขั้นตอนทำเหมือนกับพิธีฌาปนกิจศพทั่วไป

ขณะที่นายจันทร์ ฮาเจริญกุล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านศิลาทอง หมู่ 16 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า การเผาผีต้นกล้วยนั้น ทำพิธีกรรมสวดอภิธรรมศพ และฌาปนกิจศพเหมือนการเผาศพคนจริงทุกขั้นตอน นับเป็นพิธีกรรมความเชื่อสืบทอดต่อกันมานาน หลังจากทางวัดได้ทำการสร้างเมรุเผาศพเสร็จแล้ว จะต้องทำพิธีเผาผี ซึ่งผีที่ว่าก็คือ ต้นกล้วย หรือชื่อสมมติตามความเชื่อของชาวบ้านศิลาทองว่า “คุณตา กล้วย ตานี” ชาตะ 2443 มรณะ 12 มี.ค.2558 เสียชีวิตด้วยโรคชรา อายุ 115 ปี

ทั้งนี้การเอาต้นกล้วยมาเผาจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างเมรุให้มีแต่เรื่องดีๆ ทุกข์โศกผ่านไป หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า ทำธุรกิจการค้า ติดต่อซื้อขายง่ายเหมือนปอกกล้วย อีกทั้งยังเป็นการทดสอบเตาเผาศพอีกด้วย ว่าจะสามารถทนความร้อนได้มาตรฐานหรือไม่ ให้สมกับที่ได้ลงทุนสร้างเตาเผาศพดังกล่าวสูงถึง 1 ล้าน 1 แสนบาท

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5qUXhOemcxTlE9PQ%3D

ร.ร.เฮี้ยนอีก หน้าผีโผล่สระ คนงานนับสิบ อ้างเห็นกับตา

ร.ร.เฮี้ยนอีก หน้าผีโผล่สระ คนงานนับสิบ อ้างเห็นกับตา

เฮี้ยนอีกโรงเรียนดังที่ระยอง คราวนี้มีหน้าคนขนาดใหญ่นับ10 หน้า โผล่มาจากพื้นดินในจุดที่กำลังขุดสระว่ายน้ำ ทำกรรมกรก่อสร้างผวาไปตามกัน บางคนเอากล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายเก็บไว้ แต่พอเปิดดูกลับไม่มีรูป ปรากฏเพียงแสงสีขาว คนสวนก็โดนเงาดำวิ่งผ่านหน้าเป็นประจำ จนต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ แต่ยังออกมา ให้เห็นแทบทุกวัน ชาวบ้านต่างโจษขานว่าโรงเรียนนี้เฮี้ยนจริง ตั้งคำถามว่าทำไมต้องสร้างทับคุกเก่า เพราะมีแต่คนตายที่ทุกข์ทรมาน

จากกรณีครู นักเรียน ต้องขนหัวลุกกับโรงเรียนที่ระยองซึ่งเฮี้ยนหนัก มีทั้งเสียงโซ่ตรวนลากพื้น ประตูลิฟต์เปิดปิดเอง บางรายเห็นเป็นเงาดำทะมึนเดินวนเวียน ชาวบ้านเชื่อสาเหตุจากสร้างทับที่เรือนจำเก่า บุคลากรในโรงเรียนต่างเจอเหตุการณ์ลี้ลับบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาทำบุญปัดเป่าวิญญาณสร้างหอพระแล้ว แต่ไม่เป็นผลตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าโรงเรียนเฮี้ยนเมื่อวันที่ 24 พ.ย. นายมานิตย์ จันวัน ผู้บริหารโรงเรียนมัธยมตากสินระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง กล่าวถึงเรื่องกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องความเฮี้ยนภายในโรงเรียนว่า เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ไม่เคยเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนักเรียนและบุคลากรของโรงเรียน ซึ่งส่วนตัวเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนก เพราะตั้งแต่โรงเรียนสร้างมาไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ขอยืนยันว่าส่วนตัวแล้วไม่เคยพบเจอ และโรงเรียนทำบุญใหญ่ทุกปีนิมนต์พระจากสองวัดมาสวดเจริญพุทธมนต์และล้อมสายสิญจน์ทั่วทุกตึก เพื่อเป็นสิริมงคลทั้งแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และนักเรียนทุกคน จึงขอให้นักเรียนทุกคนอย่าตื่นตระหนก และกลัวไปกับกระแสข่าว

วันเดียวกัน แม่ค้ารายหนึ่งภายในโรงเรียนดังกล่าวเผยว่า พื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างสระว่ายน้ำของโรงเรียน มีช่างก่อสร้างที่ทำงานอยู่ต่างขวัญผวากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น โดยช่างก่อสร้างนับสิบคนที่ลงไปทำงานในพื้นที่ที่ถูกขุดให้เป็นสระว่ายน้ำของโรงเรียน ต่างต้องตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ที่พื้นสระน้ำที่เพิ่งถูกขุดขึ้นขนาดกว้างยาวประมาณ 10 เมตร เพราะเห็นเป็นรูปหน้าคนขนาดใหญ่นับสิบหน้าโผล่ที่พื้นสระน้ำที่เป็นดินทราย หลายคนพยายามใช้กล้องมือถือถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะเห็นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติและชวนขนหัวลุก จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที รูปที่ปรากฏในพื้นสระได้จางหายไป

นายสมชาย (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในบรรดาช่างที่พบเหตุการณ์ขนหัวลุกเล่าให้ฟังว่า เห็นภาพหน้าคนในพื้นสระที่กำลังก่อสร้างจริงพร้อมกับเพื่อนช่างอีกนับสิบคน จึงใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพดังกล่าวไว้ โดยถ่ายไว้นับสิบรูป แต่เมื่อนำมาเปิดดูกลับมีแต่ความว่างเปล่ามีเพียงภาพแสงสีขาวไม่มีรูปอะไร ทั้งๆ ที่กล้องจากมือถือยังปกติอยู่ ยังสามารถถ่ายรูปอื่นติดได้โดยไม่เสีย จึงเป็นเรื่องที่โจษขานกันในหมู่ช่างว่าเกิดจากความเฮี้ยนของบรรดาวิญญาณบนที่ดินแห่งนี้ ที่ต้องการสื่อให้เห็น เพื่อขอส่วนบุญเพราะอาจเป็นวิญญาณนักโทษที่เคยถูกคุมขังอยู่ใน เรือนจำแห่งนี้

ส่วนอีกรายเป็นพนักงานทำสวนที่ต้องทำงานในช่วงเลิกเรียนในตอนเย็นไปจนถึงช่วงดึก ประสบกับเหตุการณ์ขนหัวลุกอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะเป็นเงาคนวิ่งผ่านหน้า เสียงคนพูดคุยกันอยู่บนตึกรวมไปถึงเสียงประตูหน้าต่างเปิดปิดเอง จนทำให้เกิดความกลัวและรู้กันในหมู่พนักงานทุกคน ได้แต่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แต่ยังไม่วายต้องเจออยู่ประจำซึ่งพนักงานทุกคนจะรู้กัน และถูก ห้ามนำเรื่องไปพูดให้เด็กนักเรียนฟัง เพราะ ผู้บริหารกลัวจะกระทบต่อเด็กนักเรียน แต่ไม่สามารถปิดบังได้ เพราะมีนักเรียนหลายคนต่างพบเจอ และสัมผัสกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ และนำไปเล่าต่อให้เพื่อนนักเรียนฟังจนทำให้เกิดความกลัวกันทั้งโรงเรียน

ขณะที่ชาวบ้านรอบข้างโรงเรียนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เฮี้ยนจริง แต่ทางโรงเรียนมักปิดข่าวเพราะกลัวจะเสียชื่อโรงเรียน บางรายก็กล่าวว่าทำไมไม่เลือกสถานที่ก่อสร้างที่ดีกว่านี้ เพราะเรือนจำเก่าถือเป็นแดนคุมขังผู้คนมานานหลายสิบปีย่อมต้องมีคนเสียชีวิตไม่น้อยตามความเชื่อวิญญาณของผู้เสียชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานย่อมมีความเฮี้ยนมาก

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5qZzRNVGN4TXc9PQ==&sectionid=

อาถรรพ์ผีเหรียญ

อาถรรพ์ผีเหรียญ

หลอน
นทธี ศศิวิมล

ม.ต้นเป็นช่วงวัยอยากรู้อยากเห็น ยิ่งดูลึกลับดูต้องห้ามยิ่งอยากทำ เรื่องผีๆ นี่ยิ่งเร้าใจใหญ่ แต่ปกติแล้วฉันอยู่ในกลุ่มเด็กเรียบร้อย กิจกรรมห่ามๆ จึงไม่ค่อยมีมากเท่าเด็กแก่นๆ แต่ก็นั่นแหละ!

บ่ายวันหนึ่งช่วงคาบอิสระ คนอื่นๆ กระจายกันออกไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ แต่เนื่องจากพวกเราสี่คนตัดสินใจช้า เลยติดแหง็กอยู่ในตึกท่ามกลางสายฝนที่ เทกระหน่ำลงมาราวฟ้ารั่วสลับเสียงฟ้าร้องคำรามดังเป็นระยะ

เราช่วยกันปิดหน้าต่างจนหมด ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า บรรยากาศครึ้มๆ แบบนี้หลอนดีชะมัด น่าเล่นผีถ้วยแก้ว ทุกคนจึงสรุปว่าจะเล่นผีถ้วยแก้วกัน

"แจ๋ม" หนึ่งในกลุ่มเสนอว่า ไหนๆ จะเล่นกับผีแล้วเอาให้สุดไปเลยดีกว่า ที่ตึกเรียนบนชั้นสี่ จะมีห้องหนึ่งที่เรียกว่าห้องผีสิง เมื่อก่อนเป็นห้องเรียนนาฏศิลป์ แต่เมื่อห้องนาฏศิลป์ย้ายไปอยู่ที่ตึกใหม่ ห้องนี้จึงกลายเป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้ใช้งาน ตามธรรมดาของห้องร้างคนก็จะลือกันว่าเห็นผี แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาหาต้นตอจริงจังไม่ได้

สรุปเราช่วยกันกวาดฝุ่นตรงกลางห้องเป็นวงกว้างพอนั่งกันได้ แล้วก็ปิดประตูใส่กลอน บรรยากาศในห้องตอนนี้อับทึบ มืดสลัวเพราะไม่มีหลอดไฟสักหลอด อาศัยแค่แสงสว่างจากช่องแสงกระจกด้านบนหน้าต่าง

แล้วเริ่มเล่นผีถ้วยแก้วโดยใช้เหรียญแทนตามวิธีที่เคยได้ยินมา โดยแจ๋มเป็นตัวตั้งตัวตีเริ่มพิธี ด้วยการท่องคาถาเรียกวิญญาณเร่ร่อนลงมาสถิตอยู่ที่เหรียญสิบ ทุกคนแตะนิ้วชี้คนละนิ้วลงบนเหรียญแล้วเริ่มถาม

"ท่านเป็นใคร" ใครคนหนึ่งในวงถามขึ้น

เหรียญค่อยขยับช้าๆ ตอนนั้นฉันเริ่มกลัว แต่ไม่กล้ายกนิ้วออกเพราะแจ๋มบอกไว้ว่า เป็นตายยังไงห้าม เอานิ้วออกจากเหรียญเด็ดขาดไม่อย่างนั้นวิญญาณในเหรียญจะพุ่งเข้าสิงคน คนนั้น

เหรียญค่อยๆ เลื่อนไปตรงช่อง ชอบ/ไม่ชอบ แล้วก็ไปหยุดที่คำว่า "ชอบ"

"อ้าว" แจ๋มอุทาน "ไม่ได้ถามว่าชอบหรือไม่ชอบนะคะ ถามว่าท่านเป็นใคร"

คราวนี้เหรียญเคลื่อนที่เป็นวงกลมสองสามรอบ แล้วก็ไปหยุดที่คำว่าชอบอีกเหมือนเดิม

"เอ่อ" ฉันพยายามแสดงความคิดเห็นบ้าง "หรือว่าบางทีเขาอาจจะชื่อชอบหรือเปล่า"

ในกลุ่มครางฮือ หลังจากนั้นถามอีกหลายข้อ ทั้งเรื่องในอนาคต แม้แต่ขอให้ใบ้หวย แต่เหรียญก็ไม่ยอมหยุดที่ไหน วิ่งวนไปมาบนกระดาษเป็นวงกลมจนเราเริ่มตกใจ แจ๋มร้องขึ้น "เฮ้ย ใครผลักหรือเปล่าวะ ไม่สนุกนะเว้ย"

เพื่อนคนหนึ่งโอดครวญ "นี่นิ้วฉันจะหลุดแล้ว" เสียงเพื่อนฟังเหมือนจะร้องไห้ "แกฉันกลัว พอแล้ว เลิกเล่นเหอะ"

แจ๋มตัดสินใจ "งั้น นับ 1-3 เอานิ้วออกพร้อมกันนะ หนึ่ง"

นับได้แค่นั้นเหรียญก็หยุดกะทันหันจนบางคนนิ้วแทบไถลเลยเหรียญไป

"เอ้า หยุดแล้ว อะไรวะเนี่ย" ใครคนนั้นอุทานขึ้นยังไม่ขาดคำเหรียญก็เริ่มขยับช้าๆ อีกครั้ง คราวนี้เหรียญเดินไปที่ตัวอักษร อ-อ-ก-ไ-ป

"ออกไป หมายความว่ายังไงอ่ะ" ใครอีกคนถามเสียงสั่น

ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบ เหรียญก็เดินไปซ้ำที่คำเดิมอีกถึงสามครั้ง ออกไป ออกไป ออกไป

ฉันใจฝ่อจนแทบจะหยุดเต้นไปแล้ว "ฉันว่าเราเลิกเล่นเหอะ น่ากลัวอ่ะ"

ทันใดนั้นท่ามกลางเสียงฝนที่สาดซัดหนักขึ้นจนแทบจะตะโกนคุยกัน ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา คล้ายเสียงใครบางคนกำลังเคาะที่หน้าต่าง กึก กึก กึก พวกเราสะดุ้งเฮือก

"แก ได้ยินป่ะ" ฉันพูด

"อาจจะเป็นเสียงกิ่งไม้ชนหน้าต่างก็ได้ ลมมันแรง นะแก" แจ๋มตอบ

กึก กึก กึก เสียงนั้นดังขึ้นอีกทำให้ต้องหันไปดูพร้อมกันโดยนิ้วมือยังไม่หลุดจากเหรียญ

เสี้ยววินาทีนั้นแสงฟ้าแลบสว่างปลาบขึ้นสองครั้งติดกัน ทำให้ช่องแสงกระจกฝ้าด้านบนปรากฏเป็นเงาหัวคนแนบกระจกชัดเจน!!

เท่านั้นเราก็หวีดร้อง พุ่งเข้ากอดกันเป็นก้อนกลม ขณะกำลังตะเกียกตะกายจะไปที่ประตูนั้น หน้าต่างห้องบานหนึ่งก็เปิดผลัวะออกพร้อมกับร่างชายผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

"กรี๊ด" ฉันร้องลั่นหลับตาปี๋ จะเป็นลมเสียให้ได้

"เข้ามาทำอะไรกัน" เสียงจากร่างนั้นดังแทรกพายุฝนเข้ามาจนเราต้องหยุดนิ่ง เริ่มไม่แน่ใจคนหรือผี ทว่าตั้งใจดูจึงเห็นว่าเป็นลุงคนหนึ่งในชุดภารโรง กำลังถือไม้ถูพื้นจ้องเขม็งเข้ามา "ออกไปกันได้แล้ว ห้องนี้เขาไม่ให้ใช้"

เรารีบเก็บข้าวของโดยไม่ต้องรอเชิญรอบสองและ คิดว่าเรื่องหลอนๆ ของเราจะจบแค่นั้น

แต่เช้าวันรุ่งขึ้นแจ๋มเดินเข้ามาหาฉันด้วยใบหน้าซีดเซียว จูงมือเดินไปด้านหลังตึกพลางเล่าว่า "แกจำได้ไหม ลุงภารโรงคนเมื่อวานอ่ะ" ฉันพยักหน้ารับว่าจำได้ "มีอะไรเหรอ ลุงแกฟ้องครูเหรอ"

"ไม่ใช่อย่างงั้น คือฉันรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมครูเขาถึงไม่ให้ใช้ห้องนั้นอ่ะ" แจ๋มว่าพลางชี้ไปที่ด้านหลังห้องที่เราเล่นผีเหรียญเมื่อคืน ซึ่งฉันไม่เคยสังเกตมาก่อน

"เมื่อช่วงปิดเทอมที่แล้ว มีลุงภารโรงเดินไปเช็ดกระจกฝ้า แล้วระเบียงมันก็ถล่มลงมา"

ฉันมองตามนิ้วเพื่อนไปตรงรอยปูนหักๆ หลังห้องนั้นที่ไม่มีที่ตรงไหนให้คนเหยียบได้เลย แล้วก็ใจหายวูบ! เพื่อนยังพูดต่อว่า "แล้วที่สำคัญ แกเดาออกใช่มะ ว่าลุง ที่ตายไปชื่ออะไร"

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkxTURNMU9BPT0=

ขนหัวลุก!! ชาวบ้านจัดใหญ่พิธีอุทิศส่วนบุญ หลังเจอผีสาวโผล่นั่งห้อยขาบนหลังคาเมรุ

ขนหัวลุก!! ชาวบ้านจัดใหญ่พิธีอุทิศส่วนบุญ หลังเจอผีสาวโผล่นั่งห้อยขาบนหลังคาเมรุ

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่วัดท่ามะปราง อ.เมืองพิษณุโลก มีการจัดงานพิธีไหว้เมรุเผาศพ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณผู้ล่วงลับที่ไม่มีญาติ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าบริเวณเมรุเผาศพ ได้มีการตระเตรียมของเซ่นไหว้เอาไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ หัวหมู 4 หัว ไก่ต้ม 4 ตัว ปลา 4 ตัว ไข่ต้ม 100 ฟอง เป็ด 2 ตัว มะพร้าวอ่อน 7 ลูก บายศรี 2 คู่ และผลไม้อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีเบียร์ 1 ลัง เปิดฝาเทใส่ในแก้วเอาไว้ พร้อมเหล้า 40 ดีกรี

กระทั่งถึงเวลาทางเจ้าภาพจัดให้มีการจุดธูปเทียนกราบไหว้ขออโหสิกรรมต่อดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งสิงสถิตอยู่ในบริเวณเมรุแห่งนี้ และดวงวิญญาณของสัมภเวสีที่ไม่มีญาติ ให้มารับเครื่องเซ่นไหว้ และบุญกุศลที่อุทิศให้ในครั้งนี้ หลังจากนั้นนางรำ จำนวน 4 คน พร้อมระนาด และตะโพน บรรเลงดนตรีฟ้อนรำถวายหน้าเมรุเผาศพดังกล่าว

นางสวง ขันทิพย์ หรือ ป้าเตือน อายุ 58 ปี อยู่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องจัดไหว้เมรุในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการอุทิศบุญกุศลให้กับวิญญาณไม่มีญาติ สัมภเวสี ซึ่งจะทำให้ตนและวัดเจริญรุ่งเรืองตลอดไป ก่อนหน้านี้ลูกเขยของตนได้มาเล่าให้ฟังว่า ขณะเดินผ่านเมรุแห่งนี้ ช่วงเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. เพื่อเข้ามาในวัด ระหว่างนั้นได้มองไปที่เมรุ พบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนชายคาเมรุ สภาพแต่งตัวธรรมดา แต่มีผมยาว ดังนั้นไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มั่นใจว่าเป็นวิญญาณมาขอส่วนบุญ จึงได้ทำบุญกุศลอุทิศให้สัมภเวสีและดวงวิญญาณที่อยู่ในบริเวณเมรุแห่งนี้

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU16RXhOalE0Tmc9PQ==

ผี เดินทั่วดิสนีย์แลนด์

ผี เดินทั่วดิสนีย์แลนด์

เว็บไซต์ต่างประเทศนำเสนอภาพวิดีโอสุดหลอนจากกล้องวงจรปิดในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เป็นภาพ ′วิญญาณ′ เดินเล่นในสวนสนุก หลายคนเชื่อเป็นวิญญาณของ วอลท์ ดิสนีย์

กลายเป็นเรื่องให้คนวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยอีกครั้ง เมื่อมีผู้นำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์มาเผยแพร่ และที่สร้างความเขย่าขวัญ ก็คือ ในวิดีโอนั้นปรากฎภาพของ ′วิญญาณ′ เดินไปทั่วบริเวณสวนสนุก ตามรายงานระบุว่า ′วิญญาณ′ ดังกล่าวยังสามารถเดินบนน้ำได้ด้วย

มีผู้ให้ความเห็นว่าอาจเป็นเพราะทางสวนสนุกใช้เทปเก่า บันทึกซ้ำไปมาหลายๆรอบ ทำให้อาจมีภาพจากบันทึกครั้งก่อนๆติดมาด้วย ขณะที่บางคนเชื่อว่าวิญญาณที่เห็นเป็นวิญญาณของ วอลท์ ดิสนีย์ ผู้ก่อตั้งสวนสนุกนั่นเอง

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5USTRNakl5TWc9PQ==&sectionid=

คลิปสุดหลอน จู่ๆ ขวดก็เคลื่อนได้เอง ต่อหน้าต่อตาลูกค้าในผับ วิจารณ์กระหึ่ม"มือผี"

คลิปสุดหลอน จู่ๆ ขวดก็เคลื่อนได้เอง ต่อหน้าต่อตาลูกค้าในผับ วิจารณ์กระหึ่ม"มือผี"

เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิกผับแห่งหนึ่งในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะเห็นว่าจู่ๆ ขวดก็เคลื่อนเองจากบนโต๊ะแล้วตกไปที่พื้น แถมยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ ต่อหน้าต่อตาลูกค้าในร้าน จนวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็น"มือผี"จับเลื่อนขวด ทำเอาขนหัวลุกไปตามๆกัน

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU16SXdOems0TlE9PQ==

หนุ่มอ้างว่าถ่ายคลิปเจอ ผี ไล่ตามรถ ดูแล้วขนหัวลุกเลย

หนุ่มอ้างว่าถ่ายคลิปเจอ ผี ไล่ตามรถ ดูแล้วขนหัวลุกเลย

เว็บไซต์ Huffingtonpost.com เผยแพร่เหตุการณ์สุดสะพรึงในเมืองแบล็คเบิร์น ประเทศอังกฤษ ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอันมืดมิด เมื่อกล้องวีดีโอติดรถยนต์คันหนึ่งสามารถถ่ายภาพตัวประหลาดหลังค่อม สวมเสื้อผ้าสีขาวมาได้ ซึ่งก็ว่ากันว่าเป็น "ผี" และเมื่อคนขับพยายามจะขับรถถอยหลังหนี แต่ปรากฎว่าเจ้าผีตัวนั้นก็ยังวิ่งตามมา พร้อมๆกันกับที่ผู้โดยสารในรถร้องเสียงหลงว่า "ถอยรถไปสิโว้ย เร็วเข้าๆๆ !!! "


อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับต่อคลิปวีดีโอตัวนี้ก็แบ่งออกเป็นหลักๆสองฟาก ฟากแรกคือมองว่าเป็นเรื่องหลอกเด็ก โดยคลิปดังกล่าวอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของผลงานที่นักเรียนทำไปส่งอาจารย์ก็ได้ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์และนักเขียนชื่อไซม่อน เอ็นท์วิสเทิล กล่าวว่าวิญญาณในคลิปอาจจะเป็นนักบวชที่ถูกประหารในเทอร์ตัน ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นบ้านของพวกขุนนางในยุคกลางก็ได้

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU1qRTVNemMyTXc9PQ==

แพทย์เตือนชาวบ้านหยุดกินหัวว่าน หลังฮือฮาว่าเป็นยาผีบอกรักษาทุกโรค แต่แม่เฒ่ากินแล้วชักกระตุก!!

แพทย์เตือนชาวบ้านหยุดกินหัวว่าน หลังฮือฮาว่าเป็นยาผีบอกรักษาทุกโรค แต่แม่เฒ่ากินแล้วชักกระตุก!!

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนายศิริพงษ์ ศรีสุขา อายุ 52 ปี อยู่ ต.ป่าก่อ อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็น อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อปมช.)ชานุมาน ว่าชาวบ้านห้วยฆ้อง ม.5 และ ม.9 พากันแตกตื่นขึ้นไปบนภูเขาในเขต อ.ชานุมาน เพื่อไปหาเก็บต้นหญ้าไส้เอี่ยน ว่านชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า ว่านหัวไก่เถื่อน ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบริเวณพระลานหินภูเขา ซึ่งชาวบ้านพากันบอกต่อและเชื่อกันว่าว่านนี้เป็นยาผีบอก สามารถรักษาโรคได้หลายชนิด เคยมีคนที่กินแล้วอาการเจ็บป่วยหายเป็นปลิดทิ้ง จนทำให้แม่ของตน คือ นางพัน ศรีสุขา อายุ 75 ปี หลงเชื่อไปหา นำมากินกว่า 6 หัว จนมีอาการชักกระตุกตามร่างกาย ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ซึ่งตนเชื่อว่าอาการที่เกิดขึ้น มาจากการกินหัวว่านดังกล่าว

ขณะที่ชาวบ้านซึ่งมีความเชื่อว่าว่านดังกล่าวเป็นยาผีบอกเช่นกรณีนายบุอายุ 64 ปี ชาวบ้านห้วยฆ้อง ม.5 เผยว่า ตนก็ได้ยินชาวบ้านบอกต่อๆ มาเหมือนกันว่า หัวว่านดังกล่าวเป็นยาผีบอก ที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค โดยเฉพาะถ้านำหัวว่านดังกล่าวไปดองกับน้ำผึ้ง จะทำให้มีกำลังวังชา ร่างกายแข็งแรง รู้สึกตัวเบาหวิวขึ้นเลยทีเดียว

นางไพบูลย์ อายุ 55 ปี ชาวบ้านห้วยฆ้อง ม.9 เผยว่า ว่านหัวไก่เถื่อนเป็นยาผีบอกที่ชาวบ้านบอกต่อๆ กันมา เดิมทีตนก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ จึงได้นำหัวว่านดังกล่าวไปถามพระที่อาศัยอยู่สำนักสงฆ์บนภู ที่เชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพรโบราณ บอกว่า หัวว่านดังกล่าว เขาเรียกว่า ต้นหญ้าไส้เอี่ยน เป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง ตนจึงได้นำมากิน ลองดู เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ ตนมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ พอกินหัวว่านอาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง และรู้สึกว่าตัวเบาขึ้น


ด้านนางสมบัติ อายุ 48 ปี ชาวบ้านห้วยฆ้อง ม.9 ที่บ้านอยู่ติดกับกับ นางไพบูลย์ เผยว่า เมื่อก่อนตนมีอาการปวดเอว ปวดข้อเข่า และขา ตนก็ได้ลองนำหัวว่านดังกล่าวมากิน ซึ่งก่อนนั้น เราต้องตั้งจิตอธิษฐานก่อนที่จะกิน ว่าให้โรคที่เป็นอยู่หายไป จากนั้นค่อยกิน พอกินเข้าไปอาการที่ตนเป็นก็ดีขึ้น หายจากโรค และไม่เจ็บไม่ป่วยอีกเลย และยังมีชาวบ้านอีกหลายคน ที่กินหัวว่านดังกล่าว หลังจากชาวบ้านมีการบอกต่อๆ กันไป ก็มีผู้มาขอรับซื้อหัวว่านดังกล่าว ในราคากิโลละ 3,000 บาท เลยทีเดียว ซึ่งหัวว่านดังกล่าวจะมีเฉพาะเดือน 3 เท่านั้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางนำหัวว่านดังกล่าวไปที่สาธารณสุขจังหวัดเพื่อตรวจสอบว่าหัวว่านดังกล่าวเป็นยารักษาโรคตามที่ชาวบ้านเชื่อกันหรือไม่ซึ่งทางสาธารณสุขจะได้นำหัวว่านดังกล่าวให้เภสัชกรเร่งตรวจสอบว่าหัวว่านดังกล่าวจะมีคุณประโยชน์หรือโทษอย่างไร

ด้านนายแพทย์ภาสกรไชยเศรษฐ สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ เผยว่า หัวว่านที่ได้นำมาพิสูจน์นั้น ทางสาธารณสุขยังไม่เห็นมาก่อน จะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่เภสัชกรตรวจสอบว่า หัวว่านดังกล่าวอยู่ในไฟลัมไหน มีคุณประโยชน์หรือโทษมากแค่ไหน หากรับประทานเข้าไป ซึ่งการตรวจสอบต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร ถึงจะทราบผล

ส่วนกรณีที่คุณยายวัย 75 ปี ทานเข้าไปแล้วเกิดอาการชักนั้น ต้องให้ทางญาติพาคุณยายเข้าไปรับการรักษาแล้วตรวจอาการที่โรงพยาบาลให้ชัดเจนว่าอาการที่เกิดขึ้น จากการกินหัวว่านเข้าไปหรือไม่อย่างไร อีกทั้งอยากฝากเตือนพี่น้องประชาชน ที่รับประทานหัวว่านหากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ในทันที ทางที่ดีอย่าเพิ่งกินหัวว่านดังกล่าว จนกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบแน่ชัดว่าหัวว่านดังกล่าวมีคุณประโยชน์หรือโทษอย่างไร

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5ESXpNREUyT1E9PQ==

ผวา "ผีช่องลิฟท์" ในโรงเรียนดังเมืองระยอง - ครูนักเรียนเผยมาทั้งเสียงโซ่ตรวนลากพื้นและประตูเปิดปิดเอง

ผวา "ผีช่องลิฟท์" ในโรงเรียนดังเมืองระยอง - ครูนักเรียนเผยมาทั้งเสียงโซ่ตรวนลากพื้นและประตูเปิดปิดเอง

หลอนกันทั้งโรงเรียน เผยที่ตั้งเป็นพื้นที่เรือนจำเก่า ทางโรงเรียนเคยทำบุญหลายครั้ง แต่ก็ยังคงมีเหตุการณ์ขนหัวลุกต่อเนื่อง ด้านรองนายก อบจ.ระยอง ที่รับผิดชอบโรงเรียนเตรียมตรวจสอบข้อเท็จจริง

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเกี่ยวกระแสข่าว กรณีที่ โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในจ.ระยอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ ซอยเรือนจำ ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง มีนักเรียน แม่บ้าน และ ภารโรง ได้พบกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ปรากฏขึ้นภายในโรงเรียน ไม่ว่าจะมาในรูปแบบเงาดำ เสียง และ แสดงให้เห็น ต่อมาจึงได้เดินทางไปพิสูจน์เรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเริ่มเปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2553 เป็นโรงเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 1 – 6 เป็นโรงเรียนภายใต้การดูแลของ อบจ.ระยอง โดยใช้พื้นที่ของเรือนจำกลางจังหวัดระยองเก่าบนเนื้อที่ 51 ไร่ ภายในโรงเรียนมีตึกอาคารเรียนขนาด 7 ชั้น 1หลัง และ อาคารเอนกประสงค์ 3 ชั้น หนึ่งหลัง ลักษณะโอบเข้าหากันเหมือนตัวยู

เมื่อเข้าไปในโรงเรียน พบกับ นางสมหมาย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี แม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ เมื่อสอบถามก็ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องจริง ที่ตนเองเคยประสบพบเจอมากับตัวเองหลายครั้ง โดยเหตุการณ์ที่เจอครั้งแรกเกิดขึ้น บริเวณชั้น 3 ของอาคารอเนกประสงค์ ขณะที่ตนเองและครูท่านหนึ่งได้เดินขึ้นไปหน้าห้องเก็บของ ซึ่งห้องดังกล่าวได้มีการนำโซ่มาคล้องไว้และล็อคด้วยกุญแจ

แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้าออกเสียงดังโครมคราม เหมือนกับมีคนอยู่ด้านใน จึงได้สอบถามครูคนดังกล่าวว่ามีใครอยู่หรือไม่ก็ได้คำตอบว่าไม่ ทางตนจึงเดินไปดูด้วยความสงสัยก็ต้องสะดุ้งสุดขีดเมื่อประตูถูกแรงโยกเข้าออกแรงขึ้นกว่าเดิมดังพรึบพรับทั้งที่ไม่มีลม จึงได้วิ่งหนีออกมาตั้งหลักจนกระทั่งตั้งสติได้จึงได้เดินเข้าไปดูพร้อมทั้งไขกุญแจห้องออกดู ก็ต้องประหลาดใจเพราะห้องดังกล่าวไม่มีหน้าต่างมีเพียงกระจกบานเล็กติดไว้แบบมิดชิดเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ว่าประตูถูกแรงลมโยกได้อย่างไร จึงรีบออกจากห้องและปิดประตูลงมาอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าเจอดีเข้าแล้ว

นางแอ้ว อายุ 55 ปี แม่บ้านอีกรายของโรงเรียน ได้เปิดเผย ว่า ตนเองก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เจอเหตุการณ์ประหลาด โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ระหว่างกำลังทำความสะอาดบนตึกชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ก็ได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องดังขึ้นเหมือนกับมีคนบิดไปมาอย่างแรง ตอนแรกคิดว่ามีคนอยู่ด้านในเพราะเป็นช่วงบ่าย จึงรีบเดินไปดูเพื่อจะช่วยเปิดประตูให้ แต่พอไปถึงหน้าห้องดังกล่าวเสียงก็เงียบลงจึงได้เปิดประตูออกแต่ก็พบว่าภายในห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ จึงรีบวิ่งลงมาชั้นล่างทันที ต่อจากนั้นมาก็ไม่กล้าขึ้นไปทำความสะอาดข้างบนคนเดียวอีก ถ้าจำเป็นก็จะชวนเพื่อนแม่บ้านขึ้นไปด้วย นอกจากนี้แม่บ้านทุกคนต่างก็เจอเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันจนทำให้ขวัญผวากันไปทั้งโรงเรียน

แต่ที่เจอหนักที่สุดคือ นักศึกษาภาคพิเศษของมหาลัยแห่งหนึ่ง ที่มาขอใช้สถานที่โรงเรียนเป็นที่ศึกษา ได้มีนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งได้เข้าห้องน้ำบริเวณชั้น 7 ของตึกอาคารเรียน A ก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยอาการตกใจกลัวอย่างมาก หลังตั้งสติได้ ก็ได้เล่าให้ฟังว่าขณะเข้าห้องน้ำอยู่ได้ยินเสียงเหมือนโซ่ลากกับพื้นห้องน้ำไปมา จึงได้ตะโกนถามออกไปว่าเป็นใครเพราะคิดว่าเป็นแม่บ้านที่มาทำความสะอาด เสียงดังกล่าวก็ยังคงอยู่และดังถี่ขึ้น ตนเองก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นแม่บ้านแน่นอน จนกระทั่งทำธุระเสร็จเสียงก็ยังดังอยู่พอเปิดประตูออกมาก็แทบช็อคเพราะพบเห็นคล้ายเงาดำทะมึนเดินลากโซ่คล้ายโซ่ตรวนนักโทษผ่านทะลุประตูออกไป จึงร้องสุดเสียงและรีบวิ่งออกมาหาเพื่อนในห้องเรียนแล้วก็เป็นลมพับไปเลย

นอกจากนี้นักศึกษายังมักจะเจอเรื่องแปลกคือลิฟท์ที่มีทั้งหมด7 ชั้น แต่มักจะมาหยุดที่ชั้น 5 ทุกครั้ง เหมือนมีคนกดลิฟท์เพื่อรอขึ้นแต่พอประตูลิฟท์เปิดก็ปรากฏว่าว่างเปล่าไม่มีคน จึงทำให้นักศึกษาบางรายไม่กล้าขึ้นลิฟท์คนเดียว หรือไม่ก็รวมกลุ่มกันเดินขึ้นแทนการขึ้นลิฟท์เพราะกลัวจะเจอผีหลอก

ด้าน ด.ญ.เปิ้ล ด.ญ.ส้ม และ ด.ญ.นก นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่3 ได้ เปิดเผยถึงเรื่องราวสยองขวัญว่าเป็นความจริงตามข่าวลือ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ช่องลิฟท์ขึ้นลงของอาคารเรียนA บริเวณชั้น 5 ขณะที่กำลังลงลิฟท์จากชั้น7 เพื่อลงมาชั้น1 แต่ขณะปรากฏว่าลิฟท์กลับมาหยุดที่ชั้น5 เหมือนมีคนกดให้ลิฟท์หยุดเพื่อขอเข้าลิฟท์ พอประตูเปิดออกก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ที่หน้าลิฟท์

ด้านนายจารุวัฒน์ สุนทรเวชพงศ์ รองนายก อบจ.ระยอง ได้กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวนั้นยังไม่ทราบข้อเท็จจริง เตรียมที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางโรงเรียนว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่ขอออกความเห็นเพราะเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ เกรงจะกระทบต่อขวัญกำลังใจต่อครูและนักเรียน แต่ก็ยอมรับว่าพื้นที่โรงเรียนนั้นสร้างอยู่ในพื้นที่เรือนจำกลางระยองเก่า หลังจากที่คับแคบจึงได้ย้ายไปสร้างเรือนจำแห่งใหม่ที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ทาง อบจ.ระยองจึงได้ใช้พื้นที่ในก่อสร้างโรงเรียนมัธยมตากสินขึ้นเพื่อรองรับนักเรียนในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าได้สอบถามบรรดาครูที่สอนในโรงเรียนแห่งนี้ ต่างก็บอกว่ามีกระแสตื่นกลัวเหตุเหนือธรรมชาติในหมู่เด็กนักเรียนจริง และทางผู้บริหารก็ได้มีการจัดทำบุญและสร้างหอพระขึ้นบริเวณหน้าอาคาร A เพื่อให้ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายแล้ว

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5qY3hPVFEwTlE9PQ%3D%3D

พิสูจน์คลิปโฆษณาทีวีฮ่องกงเมื่อ 20 ปีก่อน โดนแบนเพราะมี"ผี"โผล่ในจอ!?

พิสูจน์คลิปโฆษณาทีวีฮ่องกงเมื่อ 20 ปีก่อน โดนแบนเพราะมี"ผี"โผล่ในจอ!?

เมื่อปี 1993 มีโฆษณาทีวีชิ้นหนึ่งของฮ่องกง โดนแบนไม่ให้ออกอากาศ หลังจากมีคนร้องเรียนว่าพวกเขาเห็น"ผี"เด็กผู้หญิงปรากฏอยู่ในโฆษณา โดยเป็นโฆษณาเด็กชายหญิง 6 คนเล่นต่อเป็นขบวนรถไฟ


ตอนแรกมีภาพชัดเจนว่าเป็นชายเป็นคนสุดท้ายของขบวน แต่อีกช็อตกลับมีหัวเด็กผู้หญิงลึกลับโผลที่ท้ายแทน ก็เลยกลายเป็นกระแสในช่วงนั้นว่าเป็นผีปรากฏในโฆษณา

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU56Z3dPVGt6Tnc9PQ==&sectionid=

แห่พิสูจน์คลิปบ้านผีสิง อะไรที่ทำให้สาวเจ้าของบ้านขวัญผวา !?

แห่พิสูจน์คลิปบ้านผีสิง อะไรที่ทำให้สาวเจ้าของบ้านขวัญผวา !?

ยอดวิวในยูทูบพุ่งเกิน 15 ล้านกันไปเลยทีเดียว สำหรับคลิปวีดีโอของหญิงสาวชื่อ "ชาน่อน" โดยเริ่มจากที่เธอกำลังจะถ่ายวีดีโอที่ตัวเองสอนทำผมทรงอะไรสักอย่างอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ประตูที่อยู่ข้างหลังเธอก็ขยับได้เอง แล้วก็ปิดดังโครม


เอ๊ะ! ชาน่อนก็ยืนยันว่าทั้งบ้านก็มีแค่เธอคนเดียวเอง แล้วประตูปิดเองได้ยังไงกัน


หลังจากนั้นชาน่อนก็เดินถือกล้องไล่ถ่ายตามจุดต่างๆในบ้านพร้อมกับบอกว่านอกจากนี้แล้ว มีครั้งนึงตอนกำลังนอนอยู่ เธอได้ยินเสียงหลอนๆแปลกๆ เหมือนเสียงคนแก่ดังมาจากชั้นบนด้วย


หรือบางทีก็มีเสียงเหมือนคนเดินดังโครมๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะมีใครอยู่ในบ้านอีก แล้วเธอก็มักจะได้ยินอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ เวลาทำกิจกรรมระหว่างวัน เช่น อ่านหนังสือ


อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตหลายคนลงความคิดเห็นเอาไว้ว่า คลิปทั้งหมดน่าจะเป็นของปลอม เนื่องจากไม่สมเหตุสมผลตรงที่ว่า ถ้าหากเธอเชื่อว่าบ้านหลังนี้มีผีจริงๆแล้ว ทำไมจึงยังทนอยู่ได้

ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5USTVPVE0zTmc9PQ==