วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โค้งดอยสุเทพ

โค้งดอยสุเทพ


นานมาแล้ว ที่ มช. นั่นแหละ สมัยนั้นเวลากลางคืน ดอยสุเทพยังปิดตอนกลางคืน อย่างหนึ่งก็คือ เวลาเมา ๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกัน ไปดูเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน มันสวยดี (แต่ดันขับรถตอนเมาไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) วันหนึ่งนักศึกษา คณะวิศวะฯ สองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล (แต่ก่อนร้านนี้ฮิตครับ) ครึ้ม ๆ ขึ้นมา ก็ขับรถเลยจากทางเข้า มช. กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไป ข้างหลังคนซ้อนก็นั่งไป เมาๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ (สมัยก่อน 80 % นักศึกษาจะขับแมงกะไซค์ ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้) ซักพักคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี


เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง

แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่าู่ “ ทำไมไม่จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร? ”

คนขับ "ไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว เดี๋ยวโค้งหน้าก็เจอเขาอีกแหละ..."

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

8 คดีสยองของไทย5

8 คดีสยองของไทย5


น.พ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ

คดีหมอวิสุทธิ์-หมอผัสพร เป็นคดีที่โด่งดังที่สุดคดีหนึ่งเมื่อปี 2544 จุดเริ่มมาจาก พ.ญ.ผัสพร หมอประจำ ร.พ.รถไฟ หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์
จนต่อมา นายโชติ วัฒนเชษฐ์ บิดาและญาติๆ เข้าร้องกองปราบปราม ให้ช่วยสืบสวนเพราะเชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว โดยระบุผู้ต้องสงสัยว่าคือหมอวิสุทธิ์ สามีของลูกสาว
เรื่องของเรื่องมาจากทั้งคู่กำลังมีปัญหาขัดแย้งอย่างรุนแรงถึงขั้นฟ้องหย่า แต่ติดขัดเรื่องมรดก และหมอผัสพร เคยเล่าให้ญาติฟังว่ามีหลักฐานว่าหมอวิสุทธิ์สนิทกับคนไข้ผู้หญิงเกินงาม และขู่ว่าจะร้องแพทยสภาซึ่งมีโทษก็ถึงขั้นถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ


ตำรวจเข้ามาสอบสวนเรื่องนี้และพบประเด็นต้องสงสัยหลายอย่าง โดยก่อนหายตัวไปนั้นหมอผัสพรไปพบหมอวิสุทธิ์ ที่ร้านโออิชิ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ก่อนที่หมอวิสุทธิ์จะประคองเมียออกมาในสภาพเกือบหมดสติ
ตำรวจพบว่าหมอวิสุทธิ์ไปเปิดห้องที่อาคารวิทยนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คล้ายๆ กับห้องพักโรงแรม วันรุ่งขึ้นก็ไปเปิดห้องที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว อีก
เจ้าหน้าที่ไปตรวจดูพบคราบเลือดในห้องน้ำ จึงดูดบ่อเกรอะพบชิ้นเนื้อทั้ง 2 แห่ง ซึ่งตรวจดีเอ็นเอแล้วเป็นของหมอผัสพร !!! และยังพบพยานระบุว่าเป็นคนพิมพ์จดหมายลางาน และส่งถึงลูกของหมอผัสพร หลังหายตัวไป เป็นการอำพรางว่ายังมีชีวิตอยู่

ตำรวจจึงจับกุมและสรุปสำนวนส่งอัยการ ตอนแรกอัยการสั่งไม่ฟ้องอ้างเหตุผลไม่มีการพบศพ และไม่มีประจักษ์พยาน พ่อหมอผัสพร ตัดสินใจยื่นฟ้องเองศาลประทับรับฟ้อง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มอัยการมีคนใหม่เข้ามารับผิดชอบ และให้ตำรวจหาหลักฐานเพิ่มก่อนอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องจนมีการรวมเป็น 2 คดี

จากนั้น มีการสืบคดีเรื่อยมานานกว่า 2 ปี กระทั่งศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แคทเธอรีน เฮย์ ต้นตำรับคดีฆ่าหั่นศพ1

แคทเธอรีน เฮย์ ต้นตำรับคดีฆ่าหั่นศพ1


เช้าตรู่ของวันที่ 5 มีนาคม 1726 ที่ตำบลเวสต์มินส์เตอร์ รัฐคิงส์แลนด์ ศรีษระของผู้ชายคนหนึ่งถูกขุดขึ้นมาจากหล่มโคลน ในสภาพกะโหลกศรีษระถูกทุบแตกละเอียด แก้มทั้งสองข้างมีรอยกรีดเป็นทางยาว ที่คอมีแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ ที่บอกให้รู้ว่าเพิ่งถูกตัดขาดออกจากลำตัวได้ไม่นาน คะเนจากหน้าตาแล้วเจ้าของศรีษระนั้นน่าจะมีอายุประมาณ 30 ปลายๆ แต่ชายเคราะห์ร้ายคนนี้เป็นใครมาจากไหน ยังคงเป็นปริศนาที่ตำรวจจะต้องค้นหาต่อไป ต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม แคทเธอรีน เฮย์ ภรรยาสาวสวยของพ่อค้าถ่านหินไปแจ้งความที่สถานีตำรวจว่าสามีของเธอหายตัวไปจากบ้านได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่พาไปยังห้องเก็บศพแล้วนำศรีษระอันนั้นออกมาให้ดู แคทเธอลีนก็ร้องไห้โฮ เธอถลันเข้าไประดมจูบหัวที่ไร้ร่างอย่างบ้าคลั่งก่อนเป็นลมล้มพับไป เพียงเท่านี้ตำรวจก็รู้ได้ทันทีว่าศรีษระที่พบต้องเป็นของจอห์น เฮย์ สามีของเธออย่างแน่นอน อีก 14 วันต่อมา มีคนพบแขน น่อง และขาของจอห์น เฮย์ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ โยนทิ้งกระจัดกระจายอยู่ในทุ่งนาแถบมารีลโบน เหลือก็แต่ลำตัวที่ขาดหายไป ตำรวจจึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ไปค้นหาตามพงหญ้าทุกกอ จนกระทั่งพบชิ้นส่วนท่อนลำตัวของจอห์น นอนนิ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทุ่งนานั่นเอง

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

The lions of Njombe

The lions of Njombe


เกิดขึ้นปี 1932 ในแทนซาเนียใกล้เมืองจ็อมเบ เกิดเหตุการณ์ฝูงสิงโตยักษ์ออกมาฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง เรื่องมีอยู่ว่าสิงโตได้รับการควบคุมโดยแม่มดหมอผีในชนเผ่าท้องถิ่นชื่อมาตามูลา แมนเกรา (Matamula Mangera) ที่เธอมักส่งฝูงสิงโตออกมาทำร้ายคนหากใครก็ตามที่ลบหลู่เธอหรือต่อต้านเธอ แม่มดมาตามูลา มีอำนาจบาตรใหญ่มากขนาดหัวหน้าเผ่าอื่นๆ ไม่กล้ายุ่งกับเธอเลย


ฝูงสิงโตของเธอนั้นได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปถึง 1,500 ศพ (บางคนบอกว่า 2,000 คน) และนี้คือเหตุการณ์สิงโตทำร้ายมนุษย์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และหนึ่งใน กรณีของสัตว์ทำร้ายมนุษย์เลวร้ายที่สุดที่เคยบันทึกไว้

จนกระทั้งจอร์จ (George Rushby 1900–1968) นายพรานที่มีชื่อเสียงได้ตัดสินใจ ปราบฝูงสิงโตนั้น เขาฆ่าสิงโตไป 15 ตัวและทำให้เหตุการณ์สิงโตทำร้ายคนยุติลงในที่สุด และเรื่องราวของจอร์จได้ถูกนำมาสร้างละครกึ่งสารคดี BBC ในชื่อ “The Man-eating Lions of Njombe.” ออกอากาศในเดือนกรกฎาคม 2005

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Kesagake

Kesagake


”หมีสีน้ำตาลบุกหมู่บ้านซันเคซาเบ๊ะทสึ (The Sankebetsu brown bear incident)” เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเกี่ยวกับการ โจมตีของหมีสีน้ำตาลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่โจมตีหมู่บ้าน ซันเคซาเบ๊ะทสึ เมืองโทมาม่า ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 9 เดือน ธันวาคม ถึง 14 ธันวาคม 1915 โดยสมัยก่อนนั้นหมู่บ้านแห่งนี้พึ่งจะมีคนอยู่อาศัย กำลังบุกเบิก จำนวนคนในหมู่บ้านน้อยมากและส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนป่าเขา และพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นที่อยู่อาศัยของหมีเพศผู้ ขนาดยักษ์ที่หลายคนเรียกมันว่า “เคะซากาเกะ” ซึ่งมันชอบขโมยข้าวโพด จนสร้างความรำคาญในแก่ชาวบ้าน มันเลยถูกยิงจนบาดเจ็บแล้วหนีขึ้นบนเขา เมื่อมันหนีไป ชาวบ้านก็รู้สึกโล่งใจเพราะหมีคงจะรู้สึกกลัวคนและอยู่ห่างจากพืชผลของเขา หากแต่พวกเขาคิดผิด!!

9 ธันวาคม 1915 เวลา 10.30 น. เจ้าหมียักษ์กลับมาอีกครั้ง มันเริ่มออกปฏิบัติการ แก้แค้นฉบับเลือดต้องล้างด้วยเลือด มันเลือกเหยื่อรายแรกของมันคือครอบครัว โอตะ (ota Family) ในขณะนั้นอาเบะ เมยูและฮายูมิ มิกิโอะ (Abe Mayu and Hasumi Mikio) ภรรยาของครอบครัว และทารกที่เธอดูแลอยู่ก็ถูกเจ้าหมีตัวบุกเข้า มาในบ้านเพื่อหมายฆ่าคนทั้งสอง ทารกถูกกัดศีรษะจนเสียชีวิต ส่วนฝ่ายหญิง พยายามต่อสู้โดยสาดฟืนเข้าใส่ แต่ท้ายสุดเธอก็ถูกหมีลากเข้าป่า และเมื่อชาว บ้านมาถึงที่เกิดเหตุถึงกับต้องตะลึง โดยพวกเขาบรรยายว่าเหมือนโรงฆ่าสัตว์ไม่มีผิด เพราะเลือดสาดกระจายทั้งบนพื้นและผนัง

ชาวบ้านรู้สึกโกรธแค้นหมี พวกเขาเลยจับกลุ่มสามสิบคนบุกเข้าป่าและพยายามยิงมันแต่มันก็หนีไปได้ หลังจากพวกเขาสำรวจบริเวณรอบๆ ก็พบชิ้นส่วนศพที่มีเพียงหัว และชิ้นส่วนที่เหลือของฝ่ายหญิงฝังอยู่ใต้หิมะ คาดว่าหมีคงเก็บอาหารของมันไว้กินภายหลัง และหลังจากนั้นคืนถัดมา (8.00 น.) หมีก็กลับมาที่ฟาร์มโอตะอีกครั้ง ซึ่งชาวบ้านบางส่วนได้จับกลุ่มรอเตรียมรับมืออยู่แล้ว ชาวบ้านพยายามยิงหมีแต่ว่ามันก็รอดไปอีก โชคดีเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครบาดเจ็บ

ในเวลาไม่นานนัก เจ้าหมีได้เลือกครอบครัว มิโซเค (Miyoke family) ซึ่งอยู่หมู่บ้านอื่นที่ไร้ทางป้องกัน (เพราะไม่นึกว่าหมีจะมา) ซึ่งเจ้าหมีตัวนี้ฆ่าคนในครอบครัวนี้อย่างโหดเหี้ยม ซึ่งเวลานั้นภรรยาที่ตั้งครรภ์ของครอบครัวยาโย (Yayo) กำลังเตรียมอาหารและได้ยินเสียงข้างนอกดังก้อง และไม่ทันที่จะตรวจสอบหมีก็บุก เข้าทางหน้าต่างแล้วเข้ามาในบ้าน หม้อปรุงอาหารพลิกคว่ำ เปลวไฟและความหวาดกลัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอพยายามหนีออกจากบ้าน แต่เด็กสองคนในบ้านหนีไม่ทันจึงถูกฆ่าตาย และหญิงที่ตั้งครรภ์หนีไม่ไหวร้องขอชีวิตลูกในครรภ์ของเธอ แน่นอนมันไร้สาระ เจ้าหมีก็ฆ่าเธอเช่นเดียวกันเหยื่อก่อนหน้าของมัน

เมื่อพวกชาวบ้านมาถึงพวกเขาก็พบร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเด็กสองคน และหญิงและตัวอ่อนในครรภ์ทั่วพื้นดิน เจ้าหมีตัวนี้ใช้เวลาเพียงสองวันฆ่าคนทั้งหกคนจนทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นหวาดกลัวเป็นอันมาก หลังจากนั้นเจ้าหมีก็ถูกไล่ล่าอย่างหนัก (ระหว่างนั้นมันก็อาละวาดฆ่าคนไปไปด้วย)

จนในที่สุดเรื่องก็จบลงเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมนายพรานคนหนึ่งได้ยิงหมีที่เชื่อว่าเป็น ตัวต้นเหตุได้ มันมีขนาดยาวกว่าสามเมตร หนักกว่า 380 กิโล เมื่อผ่าท้องมาก็พบ ชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในกระเพาะอาหารของมัน และแล้วเหตุการณ์สัตว์โจมตีที่เลวร้าย ที่สุดในญี่ปุ่นก็จบลง หากแต่ชื่อของเจ้าหมีตัวนี้ก็ปรากฏอยู่ในนิยายและละครมากมาย

ปัจจุบันหมู่บ้านซันเคซาเบ๊ะทสึกลายเป็นที่ร้างคน แต่มียังมีการจำลองแสดง เหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีรูปจำลองของหมีและบ้านโอตะที่หมีเคยมาอาละวาดตั้งอยู่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และการ์ตูนมังงะโบราณอย่าง “ไอ้เขี้ยวเงิน” หนึ่งในหมี ที่เป็นศัตรูกับไอ้เขี้ยวเงินนั้น มีหมีตัวหนึ่งนำมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มนุษย์หมาป่า (Werewolf)

มนุษย์หมาป่า (Werewolf)


เวอร์ (WERE) ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษโบราณแปลว่า “คน” และแทบจะทุกชาติทุกภาษาก็จะมีตำนานของคนที่กลายเป็นสัตว์ประเภทต่างๆ มากมาย เช่น รัสเซียกับสแกนดิเนเวียจะมี “มนุษย์หมี” บางประเทศที่ไม่มีหมาป่าก็อาจมีมนุษย์สิงห์ มนุษย์จระเข้ มนุษย์จิ้งจอก อาทิ ในปี ค.ศ.1933 แพทย์อังกฤษคนหนึ่งได้รายงานว่าเขาได้เห็นชาวแอฟริกา 2 คน แปรร่างกลายเป็นหมาจิ้งจอกในระหว่างการทำพิธีกรรมทางศาสนา

สำหรับในเอเชียของเรา เช่น อินเดีย จะมีการพูดถึงมนุษย์เสือ ซึ่งก็อาจเป็นประเภทเดียวกับเสือสมิงของไทยเรานะครับ นอกจากนี้ก็มี “มนุษย์งู” ทางแถบอเมริกาใต้ โฮ้ย…แทบทุกประเภทสัตว์ละครับ ทีนี้ทำไมคนเราถึงอยู่ๆ ก็กลายร่างเป็นหมาป่าไปได้ จากการค้นคว้าในตำนานพบว่าเกิดขึ้นได้จากการใช้คาถาปลอมแปลงตัว บางรายใช้น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ลูบไล้ร่างกาย และประกอบกับการสวมเสื้อคลุมหนังหมาป่า หรือเอาเข็มขัดหนังหมาป่ามาคาดเอว แต่ที่มักจะตรงกันก็คือเขาผู้นั้นจะกลายร่างในคืนวันเพ็ญ

ผสมผสานกับการได้กลิ่นอายของดอกไม้พิเศษบางชนิด ร่างกายเขาผู้นั้นจะปรากฏขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมหูจะยาวตั้งตรงชี้ฟ้า และเขี้ยวแหลมคมงอกออกมาจากปาก ดวงตาโชนแดงฉานเมื่อต้องแสงไฟ ครั้นแล้วเขาก็จะออกล่าเหยื่อเพื่อกินเนื้อสดๆหรือดื่มเลือดทั้งเป็น

จากบันทึกในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส สามารถสืบย้อนหลังไปได้ถึงใน ค.ศ.1573 เมื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งต้องหวาดผวาจากการมีเด็กหลายคน ถูกสังหารและฆาตกรได้กินเนื้อหนังศพ ทางการจับผู้ต้องสงสัยได้นามว่า กิลส์ การ์นิเยร์ เขาต้องยอมรับสารภาพเนื่องจากถูกทรมาน แล้วก็เลยโดนลงทัณฑ์ด้วยการเผาทั้งเป็น
ต่อมาไม่นานคือ ค.ศ.1589 คราวนี้ที่เยอรมัน เมื่อชายชื่อ ปีเตอร์ สตับบ์ ถูกตั้งข้อหาว่าปลอมแปลงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าโดยใช้เข็มขัดหนังหมาป่ามาคาด เขาได้กระทำฆาตกรรมทั้งบุรุษ สตรี และเด็กๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 25 ปีก่อนจะถูกจับ สตับบ์รับสารภาพและให้การว่า สำหรับผู้หญิงนั้น เขาลงมือข่มขืนก่อนแล้วจึงฆ่า จากนั้นจึงกินศพของเธอ สตับบ์ถูกตัดสินให้ประหารอย่างต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสก่อนจะสิ้นใจ
แต่รายที่เกรียวกราวที่สุดเห็นจะได้แก่เด็กหนุ่มวัยแค่

14 ปี นาม ชอง เกรนิเยร์ ซึ่งก่ออาชญากรรมอยู่ในแถบมณฑลบอโดซ์, ฝรั่งเศส เขาสารภาพว่าได้กินเนื้อเด็กที่ถูกเขาฆ่ามากกว่า 50 คน ระหว่างให้การในศาลนั้นเขาได้สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ผู้ร่วมฟังคดี เพราะเล่าว่า เขาเคยไล่ล่าหญิงชราผู้หนึ่งแล้วก็พบว่าเนื้อเหี่ยวย่นของนางนั้น “เหนียวเหมือนหนังควาย” นอกจากนี้ยังเล่าอีกว่าสำหรับเด็กเล็กๆ นั้น พอถูกเขากัดคำแรกก็จะร้องโหยหวนจนแสบแก้วหูด้วยความเจ็บปวด

คดีนี้หนแรกเกรนิเยร์ถูกพิพากษาให้เผาทั้งเป็น หากทว่าพอเรื่องขึ้นถึงศาลสูง ผู้พิพากษารับฟังคำให้การของเกรนิเยร์ที่ว่า “ตอนผมอายุ 10 ขวบ เพื่อนบ้านได้พาผมไปพบกับเจ้าป่าผู้หนึ่ง ท่านได้ มอบหนังสุนัขป่าให้แก่ผม ตั้งแต่นั้นผมก็ออกล่าเหยื่อไปทั่ว” ผู้พิพากษาได้ปรึกษากับจิตแพทย์แล้วสรุปว่าเกรนิเยร์ นั้นป่วยจากอาการประสาทหลอนจึงไม่มีความผิด และส่งเด็กหนุ่มไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งตลอดชีวิต

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ผีในพระราชวัง

ผีในพระราชวัง


ในรัชสมัยรัชกาลที่5พระราชวังสวนดุสิต ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม่ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณวัง

ผลหมากรากไมในพระราชวังแห่งนี้ออกดอก ออกผลลูกเล็กลูกใหญ่ ห้อยระย้าเต็มต้น มีทั้งฝรั่ง ทับทิม มะม่วง กระท้อน ฯลฯ เมื่อผลไม้มีมากมายเช่นนี้ก็ย่อมเป็นที่ต้องการของชาววังมือดีทั้งหลาย ทั้งๆที่เป็นของที่อยู่ในเขตพระราชฐาน ผลไม้หลายๆต้นยังถูกสอยเอาไปรับประทานเป็นจำนวนไม่น้อยและเป็นประจำจนผิดสังเกต

แถมผลไม้หลายๆลูกยังพบร่องรอยของฟันแทะไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
ครั้งนั้น เรื่องขโมยผลไม้ในวังกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาด รัชกาลที่ 5 ต้องเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และตรัสว่าไม่น่าจะใช่รอยฟันของกระรอก กระแต น่าจะเป็นรอยฟันของคนมากัดแทะเสียมากกว่า เห็นจะต้องหาตัวหัวขโมยมาลงโทษให้ได้

กระทั่งคืนหนึ่ง เล่ากันว่าเป็นคืนเดือนมืด ทั่วทั้งพระราชวังเงียบสงัด แต่พวกชาววังก็ยังซุ่มล่าหัวขโมยอยู่เช่นเดิม
ชาววังกลุ่มหนึ่งมาแอบซุ่มอยู่ใกล้ต้นฝรั่งซึ่งกำลังออกผลเต็มต้น ใกล้จะสุกเก็บกินได้แล้ว และต้นนี้เองเป็นต้นเดียวกับที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เคยทอดพระเนตรพบรอยแทะทิ้งไว้

คืนนั้นพอดึกสงัดก็ปรากฏมีเสียงประหลาด พร้อมมีเงาดำๆวิ่งผ่านไปทางต้นฝรั่ง ทำให้ชาววังผู้ล่าหัวขโมยใจเต้นระทึก คาดว่าจะต้องเป็นหัวขโมยที่หวังจะจับแน่แล้ว จึงพากันแอบซุ่มมอง ทันใดก็เห็นเจ้าของร่างนั้นปีนขึ้นไปบนต้นฝรั่งนั่งกัดฝรั่งเคี้ยวกินอย่างกระหายหิว พวกล่าจับหัวขโมยพากันดีใจกรูเข้าไปล้อมรอบโคนต้นฝรั่ง

หวังจะดูหน้าหัวขโมยให้ชัดๆซะที ต่างจึงพากันร้องเรียกขู่ให้หัวขมายลงมาจากต้นฝรั่ง เจ้านั่นก็ยังไม่ยอมลงมา ร้องเรียกอยู่นานจนในที่สุดเงาดำบนต้นก็กระโดดตูมลงมา ข้าหลวงชายพากันตะครุบจับแต่ก็จับไม่ได้เพราะตัวลื่นเป็นเมือกแถมยังว่องไว ปราดเปรียว ผิดปกติมนุษย์ธรรมดา

ฉับพลันทันใดก่อนที่ใครจะคาดคิดเจ้าหัวขโมยรายนี้ก็กระโจนพรวดเดียวลงไปในสระอโนดาตภายในพระราชวัง แล้วจมหายไม่ขึ้นมาอีกเลย

แม้แต่หน้าก็ยังไม่มีใครได้เห็น มีสิ่งเดียวที่ทุกคนสัมผัสได้คือ กลิ่นตัวที่สาปรุนแรง คล้ายกลิ่นคนตาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่หัวขโมยโดดหายลงไปในน้ำแล้ว ทุกคนจึงได้สติว่า ถูก "ผีหลอก" แล้วพากันวิ่งหนีร้องเสียงดังลั่นขวัญกระเจิง

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คุณเป็ดช่างแต่งหน้า

คุณเป็ดช่างแต่งหน้า


ขนหัวลุก! 'ศักดิ์ชัย กาย' เปิดใจ 'เป็ด อภิชาติ' โทรสั่งลาก่อนหมดลมจริง

ภายหลังเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ศักดิ์ชัย กาย ไฮโซชื่อดังเจ้าของนิตยสาร Lips ออกมาเผยเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับ เป็ด อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ นักแต่งหน้ามือทองของประเทศไทย ที่เพิ่งเสียชีวิตว่า โทรมาสั่งลาขณะที่นอนหลับอาการโคม่าสร้างความฮือฮาให้กับโลกโซเชียลมีเดียมากมาย

ล่าสุด สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง ศักดิ์ชัย กาย เจ้าของนิตยสาร Lips ล่าสุดเขายืนยันผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง

"เรื่องราวเป็นตามที่ผมโพสต์ในเฟซบุ๊กทั้งหมด ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่สุด (เน้นเสียง) ในชีวิตของผมแล้ว ถามว่ามันดีกับไม่ดียังไงเพราะเราบังเอิญสัมผัสเขาได้พระอาจารย์ธัมมทีโปให้เรารีบทำบุญ ทำพิธีแผ่เมตตา ท่านบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดเพราะความผูกพันจิตระหว่างเราทั้งสองคนที่ยึดมั่นกันมาก ที่สำคัญเขาโทรศัพท์มาให้ตอนเที่ยงตรง และไม่ได้คุยกันแค่คำสองคำ เราคุยกันเป็นประโยคนานติดต่อกัน 3-4 นาที เหมือนเป็ดเขาจะโทรมาเรียก จริงๆ นัดกันเอาไว้ 3-4 วัน แต่ติดงานไม่ได้ไปเยี่ยมเลย เขาจึงโทรมาตาม"

ไฮโซชื่อดังย้อนเรื่องราวลึกลับอีกว่า ตนเองยังจำเสียงออดอ้อนของเป็ดได้เป็นดี

"พอยกโทรศัพท์ขึ้นมาไม่ทันได้พูดอะไร เขาบอกว่า 'พี่ หนูไปแล้วนะ' เราก็ตะคอกกลับไปว่า 'ไปไหนของเอ็ง อย่าทิ้งพี่ไป เดี๋ยวพี่ไปรับพี่ไข่ (ไข่ บูติก) ก่อน เขาบอกว่าหมอบอกว่า ไม่ไหวแล้วพี่ อีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แหละ เราเลยถามว่าหมออะไรวะ ก็ยังพูดชัดอยู่ จะไปไหน ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวเหนื่อยอีก เดี๋ยวไปเดี๋ยวนี้ พี่ก็ยังไปเอ็ดมันอีก เป็ดเขาเลยบอกว่าเดี๋ยวเจอกันนะพี่ น้ำเสียงเขาอ้อนมาก ก็คิดว่าอาการมันดีขึ้นมาก โทรมาอ้อนเราได้ เมื่อวานนี้ตอนค่ำยังลุกขึ้นมากินตะโก้ได้เลย เราขับรถไปถึงโรงพยาบาล ก็เข้าไปในห้องก็สงสัยทำไมญาติมาอยู่รอบเตียง ตายแล้วเหรอ แต่พอเราเห็นก็ยังไม่ตาย แต่ยังหายใจแรงอยู่ แต่ไม่รู้สึกตัวแล้ว เราก็ถามว่าทำไมหลับ หมอให้ยานอนหลับเหรอ เมื่อกี้ยังคุยจ้ออยู่เลย ทุกคนก็มองหน้ากัน เราก็ถามอีกว่าเมื่อกี้ใครต่อสายให้เขาพูดกับผม เขาก็งงๆ อีก บอกกับเราว่าพี่เป็ดพูดไม่ได้ตั้งแต่ตี 2 แล้ว เขาชัตดาวน์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราก็บอกว่างั้นหาโทรศัพท์เป็ดมาดูนะ ปรากฏว่า เวลา 12.02 น. เป็ดโทรหาเราจริงๆ"

ศักดิ์ชัย กาย ย้ำว่า ที่คนมองว่าดราม่า ตนเองไม่รู้จะดราม่ายังไง เพราะถ้าเป็นฝันก็เป็นฝันที่เหมือนจริงๆ เพราะน้ำเสียงเขาชัดดูเป็นปกติ หลังจากนั้นเราก็อยู่เฝ้าเขาจนกระทั่งหมดลมสุดท้าย เวลา 19.12 น.

"ผมไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย เพราะเขาไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ตี 2 ท่านธัมมทีโปให้เราและคนที่อยู่ด้วยแผ่เมตตาให้เป็ดไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น สำ หรับผมแล้วเป็ดเป็นน้องรัก มันไม่ใช่แค่เพื่อน เขาเป็นครอบครัว เป็นเพื่อนรัก เป็นคนพิเศษที่เรามีอะไรจะนึกถึงกันก่อน รู้จักกันมาเป็น 10-20 ปี เขาเข้มแข็ง ตอนเขาป่วยหนักก็ไม่ได้สั่งเสียอะไร เป็ดเป็นคนที่ไม่เป็นภาระใคร เขาเป็นคนพิเศษมาก คนรอบๆ ตัวเป็ดก็ไม่มีคนเจออะไรแปลกๆ ซึ่งนี่ถือเป็นประสบการณ์จะๆ ครั้งแรกในชีวิตของผมเหมือนกัน"

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หญิงชรากับบ้านร้างที่ปิดตาย

หญิงชรากับบ้านร้างที่ปิดตาย


ยามที่คุณเดินผ่านบ้านไม้เก่าๆที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ ในยามราตรีคุณรู้ศึกยังไง แต่สำหรับผมมีความรู้เหมือนมีคนจองมองผมอยู่ที่บ้านไม้หลังนั้น แต่ผมไม่กล้าพอที่จะกลับหันไปมองบ้านไม้หลังนั้น เพราะความหวาดกลัวสิ่งที่ไม่ใช้มนุษย์ และผมก็พญายามเดินหน้าต่อไป ด้วยอาการสั่นๆ และในที่สุดสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินก็เกิดขึ้นผมได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้หญิง เสียงนั้นมันดังมากๆ จงทำให้ผมสะดุ้งตกใจและวิ่งกลับบ้านอย่างรวดเร็ว...............................

เรื่องเกิดขึ้นที่จังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว ตำบลxxxxx
มันเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของชาวบ้านมีประมาน100คนได้และผมก็ต้องมาด้วยเพราะพ่อผมเป็นเจ้าภาพ จัดงานอยู่ที่สวนไกลออกจากหมู่บ้านเล็กน้อยเวลาประมาน 4 ทุ้มทุกคนที่นั้นก็กินอิมหนำสำราญกันอยู่ตามปกติ แต่สำรับพวกผม7คนนั้นก็เป็นพวกสำรวจชอบไปป่าบ้างไปหนองน้ำบ้าง และในที่สุดเวลาก็ลวงเลยมานานมากกับการสำรวจ นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของผมบอกเวลาว่า ตีหนึ่ง ผมก็เลยบอกทุกคนว่า"พี่จะเล่นผีถวยแก้ววะ ใครจะเล่นด้วย" มีคนปฎิเสธ3คน คือ ฟลุ๊ก แนน และแพ(กระเทย ทอม ทั้งนั้น)ผมก็เลยไม่ห้ามแต่กฎมีอยู่ว่าถ้าใครที่ไม่ได้เล่นเกมผีถ้วยแก้วนั้นห้ามมองดูหรืออยู่ด้วย ผมก็เลยบอกพวกเขาให้กับไปที่งาน และพวกผมก็เริมเล่นกัน 4 คนมี พิษ นน ฟรีม และผม(คิม)วิธีการล่นต้องกระดานให้พร้อมและก็จุดธูปเชินวิญาณและก็เอาควันธูปไส้เข้าไปในแก้วแต่เล่นไปมากวิญาณก็ไม่เข้าแก้วสักที่ จงเราจะเลิกเล่นแต่อยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาทางที่พวกผมกำลังเล่นกันอยู่ และเดินเข้าพูดว่าอยากเล่นแบบเจอผีไหม พวกผมทุกคนก็พูดว่า"อยากๆครับ" สภาพของชายแก่คนนั้นเหมือนกับคนจรจัดไม่มีผิดอายุราว 80 แต่ผมก็ไม่ได้นึกอะไรเขาบอกว่าตามมา แต่ก็มีไอ้ นน บอกว่า"ไม่ไว้ใจเลยพี่กลัวมันจับไปฆ่า" ผมก็เลยบอกว่าไม่ไปครับ เขาก็อยากให้พวกเราไป เขาก็เลยให้เราค้นตัวว่ามีอาวุธไหม และ ให้ดูบัตรประชาชนแต่ผมเห็นบัตรนั้นมันนานมากและหมดอายุไปนานแล้ว ผมก็เลยถามว่า"ตาทำไหมไม่ไปต่ออายุ"ชายแกคนนั้นบอกว่า"ตาไม่มีเวลาไปสักที่" ผมก็เลยไม่สนใจอะไร ทุกคนตัดสินใจว่า:ไปก็ดีไหนไหนก็เคยไปบ้านร้างมาแล้วตาแกแก่มากทำอะไรเราไม่ได้หลอก" และทุกคนก็ไปกันประมานครึ่งกิโลเมตรได้ และมาถึงบ้านร้างเก่าๆ และเราก็เริ่มเล่นกัน แต่ตาไปไหนไม่รู้ และในที่สุด ฟรีมก็พูดขึ้นว่า"คนอยู่ตรงหน้าต่าง"ผมก็เลยไม่เชื้อคิดว่าคงเป็นสัตว์มากกว่าคน เพราะสภาพบ้านนั้นไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะเป็นบ้านร้างไม้เก่าที่อยู่ในป่าทึม แต่มันหน้ากลัวเกินกลัวคนจะมาอยู่ได้ ผมก็เลยบอกว่า"หน้าจะเป็นแมวมากกว่าวะ"และฟริมพูดอีก"คนๆไม่ใช้แมว"ผมก็เลยมองเข้าไปที่หน้าต่างก็เห็นฆญิงชรากำลังมองดูพวกผมอยู่ในตัวบ้านผมก็เลยร้องกรีดและกระโดดไปมา และทุกคนในนั้นก็เห็นเหม์อนผม และก็บอกว่า"ห้ามวิ่ง เดินไปด้วยกันจับมือกันไว้และเดินไปข้างหน้าช้า"ความรู้สึกต้องนั้นกลัวมากคิดอยู่ในใจ "มาได้ยังไงวะ"แต่เสียงหญิงชราก็ร้องขึ้นว่า"พวกมึนจะไปไหน กูพูดได้ยินไหม กูบอกว่ามาหากู กูจะเอามพวกมึนมาตายแทนกู"พูดอยู่อย่านั้นไปเรื่อยๆ พวกผมก็ร้องไห้(เขียนไปหน้ากลัวมากครับ)แต่ว่าลุงที่พาพวกผมมานั้นก็บอกว่า"จะไปไหนไปตายแทนเมียกูเดียวนี้"และหญิงชราคนนั้นมาทางด้านผมหน้าตามีเลือดเต็มตัวตาแดงผิวขาวเสื้อลายดอก แต่พวกผมก็ไปต่อไม่ได้ได้แต่ร้องไห้ จนมีร่างของคนแกคนหนึงไส้ชุดสีขาว เป้นผู้ชายพูดว่า"ปล่อยพวกเขาไปเถะฉันขอร้องเขายังเด็กอยู่นะฉันของ"ผมมีความรู้สึกเชื้อเรื่องผีขึ้นมาเลย และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปมีแต่ตาแกจรจังที่พาพวงเรามา ในต้องนั้นเหมือนมีพลังที่จะวิ่งออกไปจากที่นั้นได้ และพวกผมก็วิ่งไปสวนกับชายแกจรจัง และวิ่งต่อไปจงถึงงานเลียงเวลาประมานตี 4 ทุกคนในงานลวนกับกันเกือบหมดแล้ว ผมก็เลยเราเรื่องทั้งหมดให้ ตาจอม ฟัง ตายเขาบอก"สมัยก็บ้านหลังนั้นเป็นบ้านชาวสวนสองผัวเมียชราคู่หนึ่งอยู่อย่างมีความสุด แต่อยู่มาวันหนึ่งมีโจรมาปล้นบ้านและฆ่าหญิงชราทิ้งด้วยการเผาทั้งเป็น และสามีของหญิงชรากับไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่นิเดียว และสุดท้ายเขาก็ตามหาคนที่จะไปตายแท้หญิงชรา เพื่อให้ได้ไปผุกไปเกิด" เรื่องนี้เป็นเรื่องผมไม่อยากจะเล่าเลยที่เพือนอยากให้เขียน ติดตามตอนต่อไปได้เลย เรื่อง คำสาปแห่งความรัก ลาก่อนนะครับของให้ไม่เจอผีหลอกเหมือนผม

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน. โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 1

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน. โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 1


ภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หลังจากส่วนหัวเครื่องเฮลิคอปเตอร์ รุ่น ยูเอช-1 เอช (ฮิ้วอี้) ตกในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ขณะบินเข้าไปรับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนที่ยังตกค้างอยู่ในป่า หลังจากเข้าไปปฏิบัติภารกิจกวาดล้างชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาทำลายต้นไม้แล้วมีผู้เสียชีวิตถึง 5 คน ล่าสุดเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์ก ที่เข้าไปช่วยเหลือก็มาตกซ้ำอีกรอบ เกิดอะไรขึ้นหลังโศกนาฏกรรมในการสูญเสียบุุคลากรชั้นยอดของประเทศไทย ไทยรัฐออนไลน์รวบเหตุการณ์ที่ว่ากันว่าเป็นอาถรรพ์ของที่แห่งนี้...???


อาถรรพ์แรก - ตามหาศีรษะไม่พบเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไม่ได้

อาถรรพ์นี้ถูกกล่าวขานกันมากมาย โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 4 หลังจากทหารหน่วย ฉก.ทัพพระยาเสือ กองพล ร.9 เข้าไปลำเลียงศพทหารทั้ง 5 นาย ออกมาจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีรายงานว่า สภาพที่ความสูญเสียที่เห็นนั้น พบซากเฮลิคอปเตอร์สภาพส่วนหัวชนเสียบคาผนังหิน ต่ำจากยอดเขาเพียง 10 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีร่องรอยการเผาไหม้ในรัศมี 10 เมตร ด้วยการปะทะอย่างแรงทำให้เกิดการระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้อีกด้วย

ด้านสภาพของลูกเรือที่โดยสารมาทั้งหมด 5 นายถูกเผาไหม้ดำเป็นตอตะโก หนึ่งใน 5 ศพนั้นคาดว่ายังไม่เสียชีวิตทันที ส่วนอีก 4 ศพ ร่างติดคาซากเครื่อง บางศพเหลือเพียงกระดูกเท่านั้น และยังมีอยู่ 1 ศพที่ไม่สามารถหาศีรษะพบ

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผยเรื่องลี้ลับก่อนขึ้น ฮ.ว่า ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับตัวเองและคณะผู้สื่อข่าวในระหว่างที่เฝ้ารอให้อากาศเปิดอยู่ในป่า ใกล้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากตนมีลางสังหรณ์ ที่เป็นเรื่องของความเชื่อของคนที่อยู่กับป่ามาตลอด

"ขณะที่ผมเข้าไปในที่เกิดเหตุครั้งแรก เห็นศพศพหนึ่งไม่มีศีรษะ อาจจะเป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ ที่หากค้นหาชิ้นส่วนของศพไม่ครบ ก็จะทำให้ไม่สามารถนำศพออกมาได้ทั้งหมด ด้วยการเกิดอุปสรรคต่างๆ เช่น การนำ ฮ.เข้าพื้นที่ ดังนั้นผมจึงวิทยุสั่งให้ค้นหาให้เจอในที่สุด เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถหาพบก็เกิดเรื่องประหลาด โดยเมื่อตอนที่ยังไม่สามารถค้นหาศีรษะ ส่วนที่หาไปเจอได้เกิดฝนตกตรงจุดเกิดเหตุ และอากาศปิดมาตลอด แต่พอเจ้าหน้าที่วิทยุมาบอกกับตนว่าพบศีรษะแล้ว สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลงดีขึ้นทันที เรื่องนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ และน่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่จะทำให้การปฏิบัติในครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้"

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 2

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 2


อาถรรพ์ - ปักธูปไม่ลง

เรื่องนี้เกิดขึ้นขณะ พ.ต.ประพันธ์ เจียมสูงเนิน นักบินที่ 1 ประจำเครื่องแบล็กฮอว์ก พร้อมทหารจากกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 ได้จุดธูปไหว้เจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ให้ดลบันดาลการปฏิบัติภารกิจนำศพ 5 ทหารออกมาจากฐานต้นน้ำเพชร สำเร็จลุล่วงด้วยดี แต่ทั้งหมดไม่สามารถปักธูปลงบนพื้นดินได้ ต้องเปลี่ยนอยู่หลายจุด จึงจะสามารถปักธูปได้ก็เป็นอีกเรื่องที่ถูกพูดถึง


อาถรรพ์ - พูดเป็นลาง

"ผมจะเดินทางไปด้วยตัวเอง เพื่อนำน้องๆ ผู้ประสบเหตุทั้ง 5 คน กลับมาให้ได้ภายในวันนี้" คือคำพูดของ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผบ.พล.ร.9 ผู้นำทีมขึ้นแบล็กฮอว์ก และที่น่าแปลกอีกก็คือ พล.ต.ตะวัน นับเป็น ผบ.พล ร.9 คนที่ 2 ที่ประสบอุบัติเหตุ ฮ.ตก เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 43 พล.ต.สัญชัย รัชตะวรรณ ประสบอุบัติเหตุ ฮ.ตกและเสียชีวิตที่บ้านท่ามะนาว อ.เมืองกาญจนบุรี

นอกจากนี้ ยังมีคำพูดก่อน-หลังขึ้นเครื่อง ที่ถูกเปิดเผยในทำนองหยอกล้อกันว่า "ไม่ต้องกลัวเครื่องตก" หรือ "เครื่องไม่ตกหรอก" เป็นต้น จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจพูดก็ตาม แต่คำพูดทำนองนี้โบราณเขาถือกัน

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 3

แกะรอย อาถรรพ์ แก่งกระจาน โศกนาฏกรรม เฮลิคอปเตอร์-แบล็กฮอว์กตก!!! 3


อาถรรพ์เจ้าป่า เจ้าป่าเซ่นสังเวย เวลาหยุดพักกินอาหาร

เรื่องการพิธีเปิด-ปิดป่าก็มีการพูดถึง นายพยัพ คำพันธุ์ เซียนพระเครื่องและเครื่องรางชื่อดัง และผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเดินป่าให้ความรู้เรื่องการทำพิธีเปิดป่าแบบ "ฉบับโบราณ" ผ่านไทยรัฐออนไลน์ ว่า การเดินป่าทุกๆ ครั้งต้องทำพิธีเปิดป่าด้วยการจุดธูป 9 ดอก พร้อมกับอธิฐานขอให้เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา ผีเหย้า ผีเรือน เจ้าของที่ เจ้าของทาง ลูกขอเปิดป่า ถ้าหากลูกทำผิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ตามแต่ ขอกราบ ขอขมาไว้ ณ ที่นี้ด้วย แล้วก็กลั้นใจเอามีดทิ่มดินแล้วก็พลิกดินขึ้นมา 3 ครั้ง พร้อมกับพลิกใบไม้ทั้งสด-แห้งที่ตกอยู่ข้างๆ ให้จับหงายขึ้นมาให้หมด

ส่วนพิธีปิดป่าเมื่อเราทำภารกิจเดินป่าเสร็จแล้วก็ต้องนำดินที่พลิกขึ้นมาแล้วใบไม้ที่เราจับพลิกปิดเอาไว้อย่างเดิม นี่กรณีเราเดินออกมาทางเดิม แต่ถ้าเดินออกจากป่าอีกด้านหนึ่งก็ยกมือไหว้บอกเล่าและขอขมาเจ้าป่าธรรมดา

"แต่หากไม่มีธูปเทียน ก็สามารถหักกิ่งไม้แห้งที่อยู่บริเวณนั้น อธิฐานและปักกิ่งไม้เอาไว้ หลังจากนั้นก็นำมีดทิ่มดิน 3 ครั้ง แล้วก็พลิกใบไม้ทั้งสดและแห้งบริเวณนั้นเป็นอีกด้านหนึ่งด้วย เรื่องแบบนี้พูดไปไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะว่าป่าทุกๆ ป่า กระเหรี่ยงและชาวเขาเขาทำพิธีโบราณแบบนี้เพื่อป้องกันตัวเองทั้งหมด" พยัพ กล่าว

นอกจากนี้ เรื่องเวลาหยุดพักรับประทานอาหาร พรานหลายคนก็แนะนำว่าจะต้องแบ่งอาหารส่วนหนึ่งใส่ใบไม้ถวายเจ้าป่าเจ้าเขาและบรรดาผีป่าผีดงทั้งหลาย เป็นการแสดงความคารวะตามประสาผู้มาเยือนที่ดี หรืออีกนัยหนึ่งก็คือช่วยคนเดินป่าให้เกิดความรู้สึกสบายใจ เพราะได้กระทำถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว ไม่ได้ละเมิดหรือดูหมิ่นดูแคลนแต่อย่างใด

หากมีการล่าสัตว์ พรานอาจจะตัดเนื้อสัตว์ที่ล่าได้ส่วนหนึ่งวางไว้ในที่อันควร เพื่อเป็นการถวายแต่เจ้าป่าเจ้าเขา พรานสมัยก่อนจะล่าสัตว์และตัดไม้เท่าที่มีความจำเป็นสำหรับเลี้ยงชีพเท่านั้น ไม่ใช่ตัดเหี้ยนไปหมดจนแทบจะสูญพันธุ์เหมือนอย่างวันนี้

ขณะเดียวกัน ฟากโหราศาสตร์ยังมีการพูดถึงดาวอังคาร ที่ถือว่าเป็นดาวทหารจะมีการสูญเสียจากเครื่องยนต์กลไกขัดข้อง หรือแม้กระทั่งดวงของคนที่เสียชีิวิตชุดแรกมีเข้าเคราะห์แทบจะทุกคน ดังนั้นเมื่อคนมีเคราะห์มาอยู่่รวมกันมากๆ ก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนเรื่องฮวงจุ้ยหรือชัยภูมิที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรีนั้น ก็มีการกล่าวขานกันมากว่า ลักษณะคล้ายกับความอาถรรพ์ของ "สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาการันตีข้อมูลนี้

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บ้านที่ ผี วิญญาณ ชอบอยู่

บ้านที่ ผี วิญญาณ ชอบอยู่


เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบ้านบางหลังถึงมีคนเจอผีบางหลังไม่เคยเจอ เป็นไปได้มั้ยว่าลักษณะของบ้านที่แตกต่างกันเป็นตัวกำหนด เหมือนกับคนเราบางคนชอบบรรยากาศแบบภูเขา บางคนชอบทะเล ผีเองก็เคยเป็นคนมาก่อนรสนิยมที่ว่าก็เลยติดตัวไป ทำให้ผีเลือกบ้านที่ตัวเองชอบ และนี่คือสุดยอดเคล็ดลับ “จัดบ้านอย่างไรให้ผีชอบอยู่ หรือวิธีการสร้างบ้านผีสิง นั่นเอง” พร้อมแล้วไปดูกันเลย

1.เลือกทำเลอาถรรพ์เช่น บ้านตรงกันข้ามโบสถ์ วิหาร วัด ศาลเจ้า โรงพยาบาล สุสาน เสา เครื่องหมายจราจร มีปล่องไฟ เป่าลมพุ่งมาหาบ้าน หรือที่เปลี่ยวๆห่างจากชุมชน ถ้าบ้านใครอยู่ในที่ดังกล่าว เรียกได้ว่ามีชัยไปกว่าครึ่งในการเชิญผีมาอยู่เลยทีเดียวล่ะ


2.สร้างด้วยไม้เป็นหลัก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องของความเป็นธรรมชาติ เพราะต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งเหมือนกัน และในบ้านมีเสาเอกให้ด้วยก็แหล่มเลย

3.ทำบริเวณบ้านให้รกครึ้มไปด้วยแมกไม้พฤกษานานาพันธุ์ แถมด้วยต้นไม้ต้องห้ามประเภท ตะเคียน ไทร ซ่อนกลิ่น อะไรพวกนี้ยิ่งถูกใจสุดๆ

4. ฝืนหลักฮวงจุ้ยเท่าที่สามารถทำได้ ยิ่งเยอะยิ่งชอบอยู่ ในศาสตร์ทางวิชาฮวงจุ
้ยได้กล่าวถึงลักษณะของบ้านที่มักจะมีผีหรือคนในบ้านมักจะเห็นผี ดังนี้

- ประตูหน้าบ้านมีพลังอิมมาก หมายถึงมีความมืดมาก และทิศทางของหน้าบ้านหันไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ ตรงช่วง 210 องศา-240 องศา หรือหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงช่วง 30 องศา-60 องศา ซึ่งทางฮวงจุ้ยจะเรียก 2 ทิศทางนี้ว่า ประตูผี

- บ้านที่มีแสงสว่างไม่พอ ภายในบ้านมีบรรยากาศมืด ๆ สลัว ๆ โดยเฉพาะทิศ ตะวันตกเฉียงใต้และทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือมีความมืดมาก ก็จะกระตุ้นให้เกิดพลังอิมมากขึ้น โอกาสเจอผีก็มีสูงตามไปด้วย

- บ้านที่มีรูปทรงของบ้านยาวกว่าปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบ้านธาตุไม้ อาทิเช่น บ้านห้องแถวมี ทางเดินตรงกลางมืด ๆ ผีก็ชอบอยู่ด้วย

- การสร้างห้องพระตรงกับห้องน้ำ, ประดับประดาด้วยของอัปมงคลต่างๆเช่น เขากระทิง นอแรด, การทำกำแพงให้เก่าสกปรกขึ้นราและทุกวิถีทางที่ทำให้บ้านโทรมที่สุด ฯลฯ

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ห้างดังวิญญาณเฮี้ยน

ห้างดังวิญญาณเฮี้ยน


ห้างหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร ได้ทำการก่อสร้าง และมีบริษัท รับเหมา ทั้งออกแบบ และก่อสร้าง ควบคุม ดูแลงาน…ได้มีการก่อสร้าง ตามขั้นตอน ตามแบบแปลน ที่วางไว้ จาก ชั้น2ไปชั้น3 ขอย้ำนะครับว่า จากชั้น2 ไปชั้นที่3 ….เรื่องเกิดตรงนี้…

หลังจากสร้างเสร็จแล้ว มีการย้ายเข้าไปอยู่ของทางร้านค้าต่างๆ เป็นทั้งแบบดีพาร์ท และแบบให้เช่า อยู่ได้ไม่นานครับ เจ๊ง และหาผู้เช่ารายใหม่ ความว่า กลางคืน ทั้งยาม ทั้งแม่บ้าน เจอกันทุกราย เช่น หุ่นเดินได้ แม่บ้านทำความสะอาดที่มาทำงานก่อนห้างเปิด เจอ คนนั่งร้องไห้ เสื้อผ้าลอยได้ คนวิ่งเข้าไปในต้นเสา …ทีแรก นึกว่าเป็นขโมย ต้องตามยามมาค้นหา แต่ก็หาไม่เจอ…ช่วงห้างเลิก…วงจรปิด จับภาพ คนได้ นึกว่า ขโมยแอบเข้ามา ค้นหา ไม่เจอครับ

……………พอมีการเปลี่ยนเจ้าใหม่ ก็ต้องมีการปิดปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ออกแบบ ภายในใหม่ โดย วิศวกรกลุ่มเดิม มาคุมงาน…หลังจาก ห้าทุ่มแล้ว พวก วิศวกร พากันขึ้นไปทานข้าว ที่ห้องอาหารชั้น5 …ซึ่งปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่ก็ยังมีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่ง โดยการซื้ออาหารมาทานเองครับ …เหล่าคนงานที่มาตกแต่งร้านก็พากันกลับหมดแล้ว…กลุ่มพวกวิศวะ พากันนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เหลือบไปเจอ ผู้หญิงวัยกลางคนท่านหนึ่งนั่งหน้าเศร้าอยู่ในมุมมืด..มองมาทางกลุ่มที่ทานข้าวอยู่…

หัวหน้า พูดกับลูกน้องว่า..ใครวะ ดึกๆ ดื่นๆ ยังไม่กลับอีก มานั่งอยู่ตรงนั้น ไปเรียกเขามาทานข้าวด้วยกันซิ…แล้วก็ให้ลูกน้องไปเรียก หญิงวัยกลางคน คนนั้น มาทานข้าวด้วย..…….พี่ๆๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือ…ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงวัยกลางคนก็เลยสำทับกับคำถามเดิมอีกครั้ง…พี่ๆ ทำไมยังไม่กลับอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้…หัวหน้า เรา ให้ผมมาเรียกไปทานอาหารด้วยกัน…มาม๊ะ มาทานอาหารด้วยกัน..เสียงหญิงคนนั้น พูดช้าๆเสียงออกทำนองอิสานว่า..บ่ไปหรอก..ให้หัวหน้าเธอมาทานที่นี่ซิ..ฝ่ายลูกน้องก็ตะโกนไปบอกหัวหน้าที่นั่งห่างไม่ไกลเท่าไหร่ ประมาณสัก 5-6 เมตร ว่า หัวหน้า ..เธอไม่ไปหรอก เธอให้พวกเรา มาทานที่โต๊ะของเธอ…จะบ้าเรอะ พวกเราเยอะกว่า จะให้ย้ายไปที่คนน้อยกว่าได้ไง..มานั่งที่นี่ด้วยกันซิ..ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ค่อยๆหันหน้า มาทางหัวหน้าและกลุ่มวิศวะอย่างช้าๆมองแบบตาขวางๆหน้าเศร้าๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า หัวหน้า ไม่เจอกันตั้งนาน ยังใจดำเหมือนเดิมนะ….หัวหน้า งง ..ป้ารู้จักผมหรือ ทำไมผมไม่รู้จักป้าเลย….ทำไมจะไม่รู้จักละ ป้าตอบ..เออ แล้วป้า เป็นใคร อยู่ที่ไหน มาทำอะไรที่นี่…เสียงจากหญิงลึกลับพูดมาว่า..เวลาผ่านมาไม่นาน ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็หนูติดอยู่ที่ต้นเสาชั้นสอง ที่หัวหน้าไม่ยอมเอาหนูออกมาไง…เสียงตอบจากป้า

….แค่นั้นละ…หัวหน้าวิศวะ วิ่งป่าราบ ก่อนเพื่อนเลย ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้วย ก็วิ่งตาม…ไป และถามหัวหน้าข้างนอกตึกว่า วิ่งทำไมหรือ…หัวหน้าตอบว่า…มันไม่ใช่คน……………..แล้วก็เลยเล่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นพลางสำทับไปว่า…ห้ามแพร่งพราย…ไม่งั้น เดือดร้อนกันทั่ว…จนกว่าเราจะหมดพันธะจากการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ก่อน…

เรื่อง ที่ ปกปิด เป็นความลับ คือว่า ห้างแห่งนี้ ตอนก่อสร้าง ได้มีคนงาน เป็นหญิงวัยกลางคนชาว อิสาน ได้ตกไปใน เสาเอก หรือเสาหลัก ตอนเทปุน…มาเจอตอนที่เขาแกะบล็อกออกจากเสา จึงรู้ว่า มีคนอยู่ข้างใน…จะเอาออก ก็ไม่ได้ ต้องทำการรื้อใหม่ ทั้งชั้น จะสูญเสียงบไป หลายสิบล้านบาท…จึงหาวิธีแก้ โดยการโบกปูนฉาบทับไปเลยและปิดเป็นความลับ สุดยอด…สอบถามถึงคนที่ติดอยู่ข้างใน เป็นใคร …สุดท้ายจึงรู้ว่า เป็นเมียคนงาน ที่ทำงานอยู่ที่นี่…ฝ่ายผู้รับเหมา และวิศวะเลยต้องหาวิธีโดยไม่ต้องรื้อ…ทำไงหรือครับ เสนอเงินจำนวนหนึ่ง ให้ฝ่ายสามี…แล้วก็ฉาบปูนทับไปเลย ไม่มีการเอาศพออก….เรื่องก็เงียบไป….แต่อย่างว่าละครับ…มันเลยเป็นอาถรรพ์ ใครมาบริหารห้างนี้ เจ๊งแล้ว เจ๊งอีก ผมก็เคย ไปดูให้เห็นกับตามาแล้ว…แต่คนที่มาอยู่ใหม่ เจ้าใหม่ คงไม่รู้แน่ๆ

……ทุกวันนี้ ก็ยัง เฮี้ยนไม่เลิกครับ……สงสารเจ้าของใหม่ แม่บ้าน และยาม ที่เขาไม่รู้..ต้องเจอดี

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การป้องกันผีหลอกในโรงแรม

การป้องกันผีหลอกในโรงแรม


นี่คือความเชื่อบางข้อของบรรดาเจ้าของธุรกิจโรงแรม

โรงแรมทุกๆ แห่งนั้น ย่อมจะมีอย่างน้อยหนึ่งห้องที่ซึ่งถูกปล่อยให้ว่างไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าโรงแรมห้อง เต็มขนาดไหน พวกเขาจะไม่ขายห้องนั้นให้กับแขกคนใดทั้งสิ้น ว่ากันว่าห้องพิเศษห้องนั้นได้ "สงวนไว้" สำหรับ "แขกพิเศษเหล่านั้น" ฉะนั้น เมื่อคุณมีแผนที่จะเข้าพักในโรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง ควรจองล่วง หน้าไว้ก่อนเสมอ

พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าพักแบบวอล์คอิน (Walk in) ถ้าพนักงานต้อนรับได้บอกคุณไปแล้วว่าไม่เหลือ ห้องว่างอีกต่อไปแล้ว จงอย่าได้ดื้อดึงอยู่ต่อหรือพยายามติดสินบนพวกเขาเพื่อที่จะให้พวกเขาให้ ห้องพักแ ก่คุณ ถ้าหากคุณทำอย่างนั้น เกือบทุกครั้งที่ห้องที่คุณได้ไปจะเป็น "ห้องพิเศษ"ที่ว่านั่น และอีกเช่นกันที่ บางครั้ง "แขกพิเศษ" เหล่านั้น อาจจะโผล่ไปที่ห้องอื่นๆ ด้วย ดังนั้นนี่คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยว่าคุณจะป้องกันตัวคุณเองได้อย่างไร

- ก่อนที่จะเข้า
ยังห้องพักของคุณ จงเคาะประตูก่อนทุกครั้ง แม้คุณจะรู้ว่านี่เป็นห้องว่างก็ตาม

- หลังจากที่เข้าไปอยู่ในห้องแล้ว หากคุณรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันทีทันใด และมีอาการ "ขนลุก" จง ออกจากห้องไปเงียบๆ และโดยทันที แล้วไปหาพนักงานต้อนรับเพื่อขอเปลี่ยนห้องใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้ว พนักงานต้อนรับจะเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

- หลังจากอยู่ภายในห้องแล้ว จงเปิดไฟให้ครบทุกดวงในทันที พร้อมกับเปิดผ้าม่านเพื่อ ปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามา

- ก่อนเข้านอน จัดวางรองเท้าของคุณให้อยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางกัน บางคนบอกเอาไว้ว่านี่เป็น การแสดงถึงหลัก "หยิน-หยาง"เพื่อคุ้มครองคุณขณะที่คุณหลับ

- จงเปิดโคมไฟทิ้งไว้อย่างน้อยดวงหนึ่งขณะที่คุณหลับ ยิ่งเป็นไฟในห้องน้ำยิ่งดี

- หากคุณพักคนเดียว และห้องคุณเป็นเตียงคู่ อย่าเข้านอนโดยปล่อยให้อีกเตียงหนึ่งว่างเปล่า พยายามนำสิ่งของไปวางไว้เช่น กระเป๋าเดินทาง ที่เตียงว่างอีกเตียงหนึ่งก่อนที่คุณจะหลับ

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หุ่นเจ้าสาว

หุ่นเจ้าสาว


วันนั้นเป็นวันแรกที่ดิฉันเข้าไปอยู่ในหอพัก คือว่าดิฉันได้งานทำแถวรังสิต แน่ละ...เมื่อบ้านอยู่ไกลก็จำเป็นต้องหาหอพักอยู่ มีคนแนะนำหอแห่งนี้ให้ ดิฉันก็เลยไปติดต่อด้วยตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่ของหอบอกว่ามีห้องเหลืออยู่ห้องเดียว คือห้องหมายเลข 814 อยู่ที่ชั้นแปด มีตู้มีเตียงครบเรียบร้อยทุกอย่าง ถือกระเป๋าใบเดียวก็เดินเข้าไปอยู่ได้เลย

รุ่งขึ้น ดิฉันให้พี่ขับรถมาส่งเพราะต้องขนหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้า รวมทั้งของใช้ในห้องน้ำมาด้วย

ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ พี่ชายต้องรีบไปทำงาน ของแค่นี้ดิฉันขนขึ้นห้องคนเดียวได้ เรื่องกุญแจน่ะรึคะ เรียบร้อยตั้งแต่เซ็นสัญญาเช่าห้องเมื่อวานนี้แล้ว อากาศยามเช้าสดชื่นจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ ดิฉันไม่เคยเจอผู้คนเลย มันเงียบสงบดีจัง...

อ้อ! เจอแต่ยามหน้าประตูกระจกชั้นล่างของอาคารคนเดียว เขายิ้มให้ขณะดิฉันใช้กุญแจการ์ดรูดเปิดประตู จากนั้นก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ แหม...ลิฟต์เล็กนิดเดียว ขึ้นได้ครั้งละไม่เกินสี่คนเท่านั้น ดิฉันไม่ชอบที่แคบๆ ซะด้วย แต่ไม่เป็นไร ลิฟต์พุ่งขึ้นไปเร็วใช้ได้เลยละ...ปรู๊ดเดียวก็ถึงชั ้นแปด...

ประตูลิฟต์เปิดแล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้ง...ตรงข้ามประตู ลิฟต์จัดเป็นเก้าอี้นั่งพัก มีกระจกผนัง มีต้นไม้ประดับอยู่ในกระถาง และสิ่งที่ทำให้ดิฉันสะดุ้งคือ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนแข็งทื่อ...เธอสวมชุดไทยคล้ ายเจ้าสาว ทำผมสวยงาม ยืนตรง หน้ามองตรง

เมื่อเพ่งดูจริงๆ จังๆ เออหนอ...หุ่นขี้ผึ้งนี่นา!!

ดิฉันถอนใจแล้วนึกขัน หอแห่งนี้มีลูกเล่นแปลกๆ เขามีกระทั่งทำหุ่นขี้ผึ้งมายืนต้อนรับหน้าลิฟต์ ลงทุนน่าดู...ไม่เคยเห็นมีที่ไหนทำอย่างนี้เลย

พอรู้ว่าเป็นแค่หุ่นก็เดินเข้าไปพิศดู เอ...จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เขาปั้นจนดูคล้ายคนมากๆ คุณคงนึกออกนะคะ...ผิวพรรณ ผมและดวงตา ดูยังไงก็เหมือนคนไม่มีผิด...เหมือนจนน่าขนลุกจริงๆ

เอาละ! ดิฉันถือถุงหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงไปที่ห้องหมายเลข 814 แล้วใช้กุญแจดอกเล็กๆ ไขเข้าไป...ห้องสวยใช้ได้ พอเหมาะพอเจาะกับการอยู่คนเดียว มีระเบียงด้วยซีคะ วิวก็สวยดี ดิฉันชอบอยู่ห้องของตึกสูงๆ ก็เพราะชอบดูวิวนี่แหละ

หลังจากพักผ่อนและเก็บของเข้าที่เข้าทางแล้วดิฉันก็ไ ปทำงาน...

ตอนกดลิฟต์และรออยู่นั้น ก็ยังหันไปชื่นชมหุ่นขี้ผึ้งสาวสวยนั่นเลยค่ะ นึกเล่นๆ ว่าถ้าหล่อนกระดิกได้หรือยักคิ้วให้ ดิฉันคงไม่รู้จะเผ่นไปทางไหน

เย็นนั้นกลับมา อ้าว? หุ่นขี้ผึ้งแสนสวยหายไปแล้ว!

คิดดูอีกทีเขาคงย้ายไปไว้ที่อื่น หรือไม่ก็เอามาวางไว้หน้าลิฟต์ชั่วคราว แต่แหม...ไม่มีเหตุผลเลย เขาเอามาวางไว้ตรงนี้ทำไม? มันมาจากไหน? ใครเป็นเจ้าของ? ช่างเถอะ! อย่าคิดมากเลย...ปวดหัวเปล่าๆ

สามสี่วันถัดจากนั้น ดิฉันได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของหอที่ชื่ออ้อย ก็เลยเอ่ยถึงหุ่นขี้ผึ้งตัวนั้น...คุณอ้อยทำท่าตกใจว ูบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนรับเออรับค่ะ แต่ดิฉันสังเกตเห็นท่าทีพิกลๆ นั้น...และตอนนี้แหละค่ะ ที่เริ่มสะกิดใจ

เรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผยจากเจ้าของร้านอาหารหน้าปา กซอยของหอพักนั้น...

คุยไปคุยมา ดิฉันก็เล่าว่ามาวันแรกมีเรื่องตกใจนิดหน่อยที่เปิดล ิฟต์มาเจอหุ่นขี้ผึ้งแต่งชุดเจ้าสาว สวยสะดุดตามากเชียว...เล่นเอาคุณป้าเจ้าของร้านเอามื อกุมอก เบิกตากว้าง

"คุณเห็นจริงๆ เหรอคะ?"

คุณพระช่วย! นั่นน่ะไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งหรอกค่ะ แต่เป็นผีเจ้าสาวจริงๆ มายืนทื่อให้ดิฉันเห็นเต็มหูเต็มตา เป็นการต้อนรับน้องใหม่ก็ว่าได้!

เธอเป็นผู้เช่าห้องหมายเลข 814 เมื่อหลายเดือนก่อน คุณป้าเจ้าของร้านนี้รู้จักดี เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำมากินอาหารแทบทุกวัน เธอมีคนรักที่เธอรักเขามาก และเตรียมจะแต่งงานด้วย ขนาดไปซื้อชุดเจ้าสาวมาอวดคุณป้าเชียวละ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าถูกหลอก เสียเงินทอง เสียทั้งตัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไป

เธออับอายและเสียใจจนกินยานอนหลับตายในห้อง 814

ดิฉันโทร.บอกพี่ให้มารับเดี๋ยวนั้น และบอกทางหอด้วยว่าถูกผีหลอก เขาใจร้ายมากที่ให้เช่าห้องนี้ ผลสุดท้ายเขาคืนเงินประกันให้ดิฉัน จะว่าคุ้มก็ไม่คุ้มหรอกค่ะ ดิฉันขวัญเสียอย่างแรง...ทุกวันนี้ยังอยู่คนเดียวไม่ ได้เลยค่ะ จะบอกให้!

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สุภาพสตรีในชุดขาว

สุภาพสตรีในชุดขาว


สุภาพสตรีในชุดขาวคือหนึ่งในเรื่องเล่าที่มีความเป็นมายาวนานมากที่สุดเรื่องหนึ่งบนโลก ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกตั้งแต่สมัยยุคกลางที่กล่าวถึงดวงวิญญาณของหญิงสาวในชุดขาวที่ไม่ว่าไปปรากฏตัวในบ้านใคร บ้านนั้นจะต้องมีคนเสียชีวิตในภายหลัง

ความน่ากลัวของเธอแพร่หลายขจรขจายไปไกลข้ามคาบมหาสมุทรและส่งผลให้เกิดการต่อยอดเป็นตำนานพื้นบ้านของท้องถิ่นนั้นๆ หลายสิบเรื่อง

ดั่งตัวอย่างที่ผู้เขียนจะหยิบยกมาต่อไปนี้

ที่โรงแรม Old Mill Hotel ในเมืองมาเทอร์เวลล์ สหราชอาณาจักร เลื่องลือไปทั่วถึงเรื่องราวของดวงวิญญาณสุภาพสตรีในชุดขาวที่สิงอยู่ในโรงแรม ความเป็นมามีอยู่ว่า หญิงสาวผู้นี้เธอกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเข้าพิธีวิวาห์กับชายหนุ่มที่เธอรัก งานแต่งนั้นจะจัดเลี้ยงฉลองกันที่โรงแรมแห่งนี้ แต่พอถึงวันงาน เจ้าบ่าวถูกฆ่าตายระหว่างเดินทางมาโรงแรม หญิงสาวเสียใจมาก จึงฆ่าตัวตายตามและกลายเป็นผีเฝ้าโรงแรมมานับแต่นั้น

ที่ปราสาท Castle Huntly ในสกอตแลนด์ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสุภาพสตรีในชุดขาวอยู่หลายแบบ แต่ที่แพร่หลายมากที่สุด คือเรื่องราวของคุณหนูเจ้าของปราสาทที่แอบรักกับคนรับใช้ เมื่อถูก จับได้จึงโดนจับขังในยอดหอคอยเป็นการทำโทษ เธอทนทรมานกับความรักที่ไม่สมหวังไม่ได้ จึงกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย และกลายเป็นผีสิงหอคอยมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

ทางฝั่งอเมริกาก็มีอยู่หลายเรื่อง เช่น ในปี ค.ศ. 1932 เมื่อหญิงสาวนามว่าเพ๊ก เอนทวิสเทิล (Peg Entwistle) ปีนขึ้นไปบนตัวอักษร H ของป้าย Hollywood และกระโดดฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังกับอาชีพนักแสดง ต่อมามีคนเห็นดวงวิญญาณของเธอวนเวียนอยู่แถวๆที่เสียชีวิต โดยสวมชุดสีขาว หากใครเข้าไปทัก เธอก็จะหันหน้ากลับมาในลักษณะที่มีแต่หัวกะโหลก นัยน์ตาสองข้างเป็นสีขาวราวหิมะ แต่ใบหน้ากลับดำปิ๊ดปี๋เหมือนขี้เถ้า

ใครเจอเข้าไปแบบนี้ไม่วิ่งก็ถือว่าแปลกละคร้าบ

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ผีญี่ปุ่น

ผีญี่ปุ่น


เรื่องคือ สมัยเราเป็นวัยรุ่นเราคบกับคนญี่ปุ่นคนนึง คือเจอกันที่ทำงานแล้วคบกัน
เค้าอายุมากกว่าเราสิบห้าปี เค้ามาอยู่ประเทศไทยค่ะ วันนึงเค้าบอกเราว่าจะกลับไปญีปุ่นสัก10วัน
เพราะแม่เค้าเสีย ต้องไปจัดงานทำพิธีศพ แล้วเค้าก็กลับไป จนวันที่...
เค้ากลับมาเค้าโทรมาถามเราว่าอยู่ที่ไหนเค้ากำลังจะกลับไปที่คอนโดแล้วนะ
พอดีว่าวันนั้นตรงกับวันเกิดเพื่อนที่ทำงาน และเรากำลังมีปาร์ตี้กับเพื่อนๆอยู่ มีดื่มกันแหล่ะค่ะ
เค้าบอกว่าให้เรากลับไปที่คอนโดเดี๋ยวนี้ เราก็อารมณ์แบบค่อนข้างโมโห เพราะกำลังสนุกอะนะ นิสัยวัยรุ่น
สรุปคือเราก็กลับไปที่คอนโด เราไปถึงคอนโดก่อนเค้า ระหว่างนั้นเค้าก็โทรศัพท์เข้ามาบ่นๆๆๆ เรา
เราค่อนข้างหงุดหงิดเพราะเมาๆอยู่หน่อยๆประกอบกับที่เค้าบ่น พอเค้ากลับมาเค้าก็ทำหน้าเหมือนโกรธๆเราแหล่ะ

เค้าเดินเข้ามาพร้อมกับในมือถือกรอบรูปอะไรสักอย่าง เรามองไม่ชัดเพราะหันไปมองตอนเค้า
เดินผ่านโต๊ะที่เรานั่งไปได้สักระยะแล้ว เค้าพูดขึ้นมาว่าให้เราทำความเคารพแม่เค้าสิ ทำไมไม่ทำความเคารพ
ตอนนั้นคือเราก็หงุดหงิดอยู่แล้ว มาได้ยินคำสั่งแบบนี้เรายิ่งโมโหใหญ่เลย

อารมณ์คนเมาบวกกับนิสัยวัยรุ่นเลยพูดในใจว่า เรื่องอะไรชั้นจะต้องทำความเคารพเธอด้วยชั้นไม่รู้จักเธอสักหน่อยไม่ทำหรอก
พอตกกลางคือ เราก็เข้านอนแฟนเราคนญี่ปุ่นเค้านอนด้านในเรานอนด้านนอก
เราฝันว่ามีมือใครคนนึงมาดึงเราลงจากเตียงในฝันไม่เห็นตัวค่ะ คือเห็นแต่มือยื่นมาลากเรา
ถ้าใครเคยดูหนังผีญี่ปุ่นอารมณ์นั้นเลย แบลคกราวด์ดำหมดมองไม่เห็นอะไรเห็นแต่แขนกิโมโมสีขาวยื่นมาลากตัวเรา
เราจำได้ว่าเป็นมือผู้หญิงเราเห็นแขนกิโมโน ที่ปลายแขนของกิโมโนก่อนจะสุดปลายแขน
เหมือนมีแถบผ้าสีดำคาดอยู่เป็นแถบเล็กๆ มือนั้นพยายามลากเราใหญ่เลย
ในฝันเราดิ้นและตะโกนร้อง เราสะดุ้งตื่นเพราะแฟนมาเขย่าตัวเรา พอตื่นมาปรากฎว่า ตัวเราพาดอยู่ขอบเตียงเกือบจะหล่นแล้วค่ะ
แฟนเราถามว่า เป็นอะไร เราบอกว่า เราฝัน เราก็อยู่ในอาการ งงๆค่ะ ว่า เกิดอะไร จากนั้นพอตอนเช้า

แฟนเราเค้าตื่นก่อนเราเห็นเค้านั่งอยู่หน้าตาเครียด เค้าถามว่าเมื่อคืนเราเป็นอะไร เราเล่าความฝันเราให้เค้าฟัง ว่ามีมือเห็นแต่แขนเสื้อ
กิโมโนสีขาว มาลากเราให้ลงจาเตียง แล้วแฟนเราก็เดินเข้าไปในห้องหยิบกรอบรูป มาจากหิ้งแล้วชูให้เราดู เค้าถามว่า กิโมโน แบบนี้หรือเปล่า
เรามองไปที่รูปแล้วก็เห็น ใช่เลยอะ ผู้หญิงแก่ใส่กิโมโนขาวทั้งชุด แขนกิโมโนในรูปนั่นใช่แบบที่เราเห็นในฝันเลยมีแถบสีดำคาดอยู่ปลายแขน

เราแบบ อยากจะกรี๊ดเลยตอนเห็น แล้วแฟนเราเค้าก็บอกว่า แม่เค้าหน่ะเป็นคนดุมากนะ ลูกน้องทุกคนในบ้านกลัวแม่มาก
ตั้งแต่พ่อเสียไป แม่เค้าก็คุมลูกน้องเป็นหลายสิบคนลูกน้องทุกคนกลัวและนับถือแม่เค้ามาก เราฟังก็แบบ อืมอะนะ ถึงว่า
เค้าถึงบอกให้เราทำความเคารพแม่เค้าตอนเค้ากลับมาเมื่อคืน ...........

เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า ผีญี่ปุ่นฟังภาษาเราออกด้วย ตอนที่เราพูดว่า ชั้นไม่รู้จักเธอเรื่องอะไรชั้นต้องทำความเคารพด้วย นั่นล่ะ
เค้าคงโกรธเราตอนนั้น

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

5 วิธีการเห็นผีจริงที่สุดสยองสมัยโบราญ ที่ศูนษ์หายไปนับ 100 ปี

5 วิธีการเห็นผีจริงที่สุดสยองสมัยโบราญ ที่ศูนษ์หายไปนับ 100 ปี


อันดับ 5 . การอมเเหรียญคนตาย โดยวิธีเห็นผีวิธีนี้จะใช้เหรียญร์จากปากคนที่ตายโหง นำมาใช้โดย ผู้ที่อยากจะเห็นผีต้องนำเหรียญปากศพ มาใส่ใว้ในใต้ลิ้น แล้ว ท่องคาถาว่า " สุ ปิ นา นัง " 3 จบแล้วกลั้นหายใจพร้อมกับให้ก้มมองรอดใต้หว่างขาไปยังจุดที่เราคิดว่าเห็นผี แค่นั้นโลกของวิญณาก็จะมาหาพวกที่อยากลองดีอย่างแน่นอน คำเตือน วิธีนี้เคยทำให้หลายคนต้องเป็นบ้ามาแล้ว

อันดับที่ 4 การนำผ้าห่มศพของคนตายหรือเสื่อห่อศพคนตายในโลงมาใช้ในการเห็นผี โดยวิธีนี้ในสมัยโบราณจะใช้เพื่อเป็นการทดสอบพระที่บวชใหม่ ๆ โดยวิธีเห็นผีวิธีนี้ จะต้องหาเสื่อห่อศพคนตายหรือผ้าห่อศพคนตาย แล้วนำมาห่มนอน หรือห่อนอน ในจุดที่มีคนตาย หรือ ลานเผาศพป่าช้า โดยหันหัวไปทางทิศตะวันตก โดยต้องทำในวันพระใหญ่เท่านั้น แล้วปิดตาด้วยใบพูก แล้วท่องคาถา " สุ ปิ นา นัง " 3 จบ แล้วเปิดใบพูก แค่นี้เหล่าภตูผีก็จากมาให้พวกที่ชอบลองของเห็นแน่นอน แต่..... เมือทำพิธีเสร็จแล้วให้รีบเผา เสื่อหรือผ้าห่อศพโดยทันที ไม่งั้น ศพต่อไปอาจจะไปคนที่ท้าลองของนั้นเอง !!!

อันดับที่ 3 เชือกแขวนคอคนตาย วีธีนี้เห็นผีวิธีนี้เป็นวิธีที่อันตรายมากเพราะ อาจจะทำให้คนที่กล้าทายลองเห็นผีตายเอาง่าย ๆ โดยให้ทำในคืนเดือนมืด ในที่คิดว่ามีวิญญาณผีร้ายสิงอาศัยอยู่ โดยให้นำเชือกมารัดใว้ทีคอ แล้วเอามืออีกข้างจับปลายเชือกแล้วดึงขึ้นไปด้านบน แล้วท่องคาถาเรียกผี " สุ ปิ นา นัง " 3 จบ แล้วกลั้นหายใจ แล้ว มองไปด้านข้างเท่านั้น เมือเจอผีหรือเห็นผีให้รีบหาพระเสาธ์ห้า มาครองคอเพราะ เชือกที่รัดคอนั้นอาจจะรัดจนผู้ที่อยากเห็นผีตายเอาง่าย ๆ วิธีนี้จึ่ง ต้องมีคนช่วยดูแลพิธีกรรมอยู่ด้วย พิธีนี้เลยถือว่าเป็นพิธีต้องห้ามเลยก็ว่าได้

อันดับ ที่ 2 อมเส้นผม เล็มมืออันดับ ที่ 2 อมเส้นผม เล็มมือเล็บเท้าคนตาย วิธีนี้ถูกเก็บงำใว้ในตำราขอหมอผีเขมรที่ต้องการสือสารกับโลกของคนตาย เพราะคนธรรมดาที่ทำอาจจะถูก วิญญาณของคนตายเข้าสิงและตายได้ในที่สุด วิธีจึงขอเตือนว่าห้ามลองโดยเด็ดขาด โดยการเห็นผี วิธีนี้ต้องทำให้ ป้าช้า ในคืนวันพระใหญ่ โดยให้นำ อมเส้นผม เล็มมือเล็บเท้าคนตาย มาห่อด้วยผ้าห่อศพของผีตายโหง แล้วให้ขุดหลุมขนาดเท่ากับโลงศพลึก 1 ศอก แล้วให้คนที่อยากเห็นผี ให้อมผ้าที่เต็มไปด้วย อมเส้นผม เล็มมือเล็บเท้าคนตาย แล้ว ลงไปนอนเอาผ้าห่อศพตายโหงมาปิดหลุม แล้วท่องคาถาเรียกผี " สุ ปิ นา นัง " จนได้ยินเสียงตอบกลับจากโลกของ วิญณา แล้วลืมตา โลกของผีตายโหงก็จะมาเยือน ผู้ที่ต้องการพบ แต่เมือเห็นผีอย่าห้ามคาย ห่อเส้นผมโดยเด็ดขาด ต้องรอจนกว่าตีนฟ้าเปิดถึงจะคายอกมาได้และต้องรีบทำลายทันที !!!

สุดยอดการเห็นผี อันดับ 1 นอนกับศพคนตาย โดนวิธีนี้ถือว่าเป็นสุดยอดของตำราการเห็นผีที่ถูกบันทึกใว้ว่าสยองสุด ๆ โดยนำมาจากตำราขอมโบราณได้กล่าวใว้ว่า เป็นตายเท่ากัน และเป็นวิธีที่ผิดกฎมลเถีนรบาลมากในสมัยนั้น แต่ก็ยังมีการแอบทำของพวกหมอผีที่เอาใว้ติดต่อกับโลกของวิญณา แต่เมือ คนธรรมดานำมาใช้เห็นผีจึ่งทำให้หลายคนต้องเป็นบ้ามาแล้วหลายหลาย เราจึงของเตือนว่าทำตามโดยเด็ดขาด !!! โดยให้นำศพของผีตายโหงจับมานั้งในท่านั้งหรือท่าขุคเข่า แล้วให้คนที่อยากเห็นผีนังหันหลังชนกับศพ แล้วมัดติดกันด้วยด้ายมัดตราสังห์ผีตายโหง ในป้าช้าคืนป่าปิด ใน แล้วให้คาบธูป 1 ดอก ที่ปาก แล้วหลับตา ท่องคา " มะอะอุ สิวัง พรหมมา จิตตัง มานิมา " ไปเรือยจนรู้สึกว่า ศพที่ผูกติดกับเราเริ่มจะขยับได้เอง แล้วให้หยุดท่องคาถาแล้วตั้งจิตให้นิ่งแล้วลืมตา แล้วผีตายโหงต่างจะจองมาที่ศพ ไม่ใช่ที่เรา ช่วงเวลานั้นห้ามลุกห้ามวิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น รอจนกว่า บรรดดาภูตผีเหล่านั้นจะหายไปเองแล้วให้ใช้มีดหมอตัดสายสิน แล้วรีบนำศพนั้นไปเผาทันที ต้องเผาก่อนฟ้าสว่างไม่งั้น ผีตายโหงจะมาเอาผู้ที่กล้าท้าลองผีไปอยู่ด้วยอย่างแน่นอน วิธีนี้จึงถือว่าสยองเป็นที่สุดในตำราขอมโบราณ ที่กล่าวมานั้นจึงไม่ขอให้เพือน ๆ คนที่รับฟังนำไปทอดลองโดยเด็ดขาดเนื่องจาก เราจะไม่รับผิดชอบได ๆ ถามผีที่ท่านเห็นนั้นตามมาหลอกหลอนหาท่าน เอง

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องสยอง "คืนหลอนก่อนสอบ"

เรื่องสยอง "คืนหลอนก่อนสอบ"


ยามบ่ายที่แสนสดใส พลอยหญิงสาวที่มีน่าตาดีอยู่ในระดับหนึ่ง เธอเป็นนิสิตแพทย์ปีสองจัดว่าเป็นหัวกะทิต้นๆของระดับชั้น เธอเดินมากับพิม เพื่อนสนิทของเธอ พิมเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พวกเธอทั้งสองเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำข้างๆตึกเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ “ตายแล้ว!!!

นี้มันครั้งที่ 3 แล้วนะ” เสียงอุทานจากโต๊ะข้างๆดังขึ้นมา เธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่พ้นเรื่องสุดสยองนั้นแน่นอน เรื่องที่ว่า…ศพที่ถูกแช่ในห้องเก็บศพของทางคณะถูกควักอวัยวะภายในหายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอเองก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก เพราะว่าอีกสองวันก็จะสอบเก็บคะแนน เธอจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก “เฮ้อ..วันมะรืนก็ผ่ากรอสเก็บคะแนนอีก(ผ่ากรอสหรือผ่าอาจาร์ยใหญ่)ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่ามั้ยพิม” “อืม..คงต้องอ่านหนังสือหนักหน่อย” พลอยพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยกับสิ่งที่พิมพูดไป

พอตกเย็นหลังจากที่พลอยกับพิมกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว พวกเธอก็รีบไปอ่านหนังสือที่หอพัก หอที่เธอพักเป็นหอหญิงของมหาลัย ทั้งสองแข่งกันอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งเที่ยงคืนพลอยกับพิมรูสึกว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว จึงตกลงกันว่าจะมาอ่านพรุ่งนี้ตอนเช้า จนกระทั่งตีสาม พลอยได้ยินเสียงกุกกักข้างๆเตียงของเธอ เธอจึงลืมตาขึ้นมาดู เธอเห็นพิมเดินออกไปนอกห้อง เธอไม่รู้ว่าพิมไปไหนในยามวิกาลเช่นนี้ ด้วยความง่วงเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พิมน่าจะไปธุระมั้งเธอคิดเช่นนี้แล้วจึงผล็อยหลับไป “

พลอย..พลอย ตื่นได้แล้ว ได้เวลาอ่านหนังสือแล้วนะ” พลอยค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็พบว่าพิมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของหล่อน เธอจึงรีบลุกขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนถึงรุ่งเช้า โดยที่ลืมถ้าพิมถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น

อะไรนะ มีศพที่สี่อีกแล้วหรอ” แน่หละไม่พ้นเรื่องอวัยะภายในศพหายไปอีกแน่นอน เฮ้อทำไมพักนี้มีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้นบ่อยนะ พลอยคิดในใจ พอตกเย็นหลังจากอนข้าวเสร็จ พลอยกับพิมก็กลับมาอ่านหนังสือที่หอเหมือนเดิม จนกระทั่งทั้งสองไม่ไหวแล้ว “พิมพรุ่งนี้ถ้าเธอตื่นแล้วช่วยปลุกเราหน่อยนะ” “อืม..โอเคถ้าเราตื่นแล้วเราจะปลุกนะ” หลังจากจบบทสนธนาแล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนยาวนาน……จนกระทั่งตีสาม กุกกัก กุกกัก พลอยได้ยินเสียงข้างๆเตียงของเธอ จะเหลือบไปดูเห็นพิมลุกออกจากเตียงไป แล้วพิมก็เปิดประตูออกไปข้างนอกห้อง ด้วยความสงสัยที่บวกกับเมื่อวานพลอยจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วเดินตามพิมออกไปอย่างเงียบๆ เธอเห็นพิมมุ่งหน้าไปสู่อาคารเรียน เธอนึกสงสัยว่าทำไมพิมต้องไปอาคารเรียนในตอนนี้ เธอได้แต่นึกสงสัยอยุ่ในใจ สักพักเธอเห็นพิมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียน พิมหันซ้ายแลขวาแน่ใจว่าไม่มีคนตามมา เธอจึงเดินเข้าห้องเรียนไป พลอยเห็นดังนั้นจึงคิดว่า “สงสัยยัยพิมคงไปหาความรู้เพิ่มเติมในร่างอาจาร์ยใหญ่แน่นอนน ชิไม่เห็นชวนกันบ้างเลย” พลอยโกรธพิมในใจ จึงเดินตามพิมเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ แต่ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่ดั่งที่คิดไว้ เธอเห็นพิมกำลังหยิบอวัยวะภายในของอาจาร์ยใหญ่ออกมา แล้วกัดกินอย่างหิวโหย โอ้พระเจ้า

พลอยไม่อยากจะเชื่อในสิ่องที่ตนเห็นอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนสนิทของเธอจะกลายมาเป็นคนกินศพแบบนี้ ภาพที่เห็นมันน่ากลัวมาก พลอยทำอะไรไม่ถูก เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐาน หลังจากที่เธอถ่ายได้นานพอสมควร เธอทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจึงหันหลังหลับ โครม

แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเธอเลย เธอเผลอเตะโดนถึงขยะที่วางอยู่ข้างๆประตู “นั่นใคร” พิมหันขวับมาดูที่ต้นเสียง เฮือก พลอยรีบวิ่งออกมาจากในห้องเรียน จนเผลอทำโทรศัพท์มือถือหล่นในห้องเรียน หลังออกมาจากห้องเรียนแล้วเธอจึงรีบวิ่งขึ้นหอพักให้เร็วที่สุด หลังจากที่พิมได้ยินเสียงเธอจึงเดินออกมาดูก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ “สงสัยคงเป็นเสียงแมวมั้ง” ระหว่างที่เธอหันกลับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเข้ากับโทรศัพท์ของพลอยพอดี “หึหึ..แกเองหรอ อยู่ดีไม่ว่าดีรนหาที่ตาย” พิมจัดการลบคลิปที่พลอยแอบถ่ายไว้แล้วโยนโทรศัพท์ของพลอยลงถังขยะ แล้วพิมก็กลับไปกินอาหารอันโอชะของตนต่อ พลางคิดแผนจัดการยัยสอดรู้สอดเห็น

หลังจากที่พลอยวิ่งมาถึงหอพักเธอก็รีบวิ่งขึ้นเตียง พยายามข่มตานอนไม่คิดมากแต่ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาจากใบหน้าทีละน้อย เธออยากให้ผ่านราตรีที่แสนน่ากลัวนี้ไปเร็วๆ ทันใดนั้น “แอ๊ดดดดดด” เสียงประตูเปิดเข้ามาและไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพิม!!

พลอยได้แต่ข่มตานอนเธอกลัวการที่จะเผชิญกับพิมในตอนนี้ “พลอย..พลอยตื่นได้แล้ว มาอ่านหนังสือเร็ว” “อื้อ” พลอยแกล้งบิดขี้เกียจไปมา ระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่นั้นเธอรู้สึกว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จู่ๆพิมก็พูดขึ้นแทรกความเงียบขึ้นมา “พลอยเมื่อกี้เราไปทำธุระมา มีคนแอบตามเราไปด้วย” “แล้วเธอรู้มั้ยว่าเป็นใคร” พลอยพยายามบังคับเสียงของตนไม่ให้สั่น มีหรอที่จะรอดสายตาของพิมไปได้ “ฉันพึ่งรู้เมื่อกี้นี่เอง” “ใครหรอ” พลอยรู้ชะตากรรมของตนเองว่าคงไม่รอดแล้วแหละ “มึงนั่นแหละ” “กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

yengo หรือ buzzcity