วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

โรงพยาบาลผีสิง

โรงพยาบาลผีสิง


นี่เป็นเรื่องของโรงพยาบาลร้างที่ว่ากันว่าปิดตัวลงเพราะความเฮี้ยน ขนาดกลางวันแสกยังมีคนเห็นรถเข็นคนไข้แล่นไปมาอยู่หน้าอาคาร บางวันหมาก็หอนกันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่มีสาเหตุ 

ซึ่งเรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นกับคุณป้าคนนึงที่วันนั้นดันกลับบ้านดึกเลยเรียก แท็กซี่เข้าไปในซอย ซึ่งก็คือซอยเดียวกับโรงพยาบาลนั้นแหละ ขับไปพอใกล้จะถึงหน้าโรงพยาบาลแท็กซี่ก็หลบซ้ายกะทันหัน ป้าเลยถามว่าทำอะไรน่ะ!! 

แท็กซี่เลยบอกว่าก็มีรถพยาบาลตามหลังเกิดไฟขอทางเลยต้องแอบให้ ตอนนั้นป้าขนลุกซู่ เพราะไม่มีทางที่จะมีรถพยาบาลเข้ามาในนี้ เลยบอกว่านั่นมันรถผีสิง 

แท็กซี่กลัวมากเลยจอดให้ป้าลงตรงนั้น แกจึงต้องเดินเข้าไป พอเดินๆไปก็ได้ยินเสียงคนโหยหวนบ้าง ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง มองเข้าไปในโรงพยาบาลก็เห็นไฟเปิดอยู่!! ทำเอาแกตกใจจนหมดสติ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เหมือนคนสติไม่เต็ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ พอผ่านไปสัก 3-4 วัน แกก็ผูกคอตายในห้องน้ำ…

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

ระวังปากจะพาซวย!!

ระวังปากจะพาซวย!!


คนขับรถส่งต่อของโรงพยาบาลมีหน้าที่ขับรถส่งผู้ป่วยไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งก็มักจะมีเรื่องหลอนๆ เกิดขึ้นเสมอ เหมือนกับครั้งนี้ ที่คนขับรถต้องไปส่งคนไข้ที่บาดเจ็บสาหัส 

โดยระยะทางค่อนข้างไกล พอไปถึงก็ส่งให้อีกโรงพยาบาลนึงดูแล ซึ่งเวลาผ่านไปประมาณเกือบ 1 ชม. คนขับรถก็ได้รับโทรศัพท์ว่าให้ไปรับศพของคนไข้คนเดิมกลับมา ตอนนั้นเค้าก็เพิ่งจะจอดรถได้ไม่นาน เลยสบถออกมาว่า “ทำไมรีบตายจังวะเนี่ย ตายพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ได้” พอไปรับศพ 

ขากลับจู่ๆ ก็เห็นชายคนนึงเดินอยู่ข้างทาง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็เกือบจะตี 3 แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอขับไปสัก 10 นาทีก็เห็นเหมือนชายคนเดิมเดินอยู่ข้างถนน ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีเลยเหยียบคันเร่งเพราะอยากไปถึงไวๆ แต่ก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะข้างหน้าคือผู้ชายคนนั้น ที่ยืนชี้มาที่รถและพูดเสียงดังว่า “ด่า กู ทำ ไม!!” 

ตอนนั้นก็รู้แล้วว่านั่นคือคุณลุงที่นอนอยู่หลังรถ จึงรีบเหยียบคันเร่งหนี ระหว่างนั้นก็มีเสียงทุบ ตีดังอยู่ที่หลังรถตลอดทาง จนรถเกือบจะชน เค้าก็ได้ขอโทษสรรพสิ่งวิญญาณที่ได้ล่วงเกิน จนไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2558

นี่มันที่ของหนู

นี่มันที่ของหนู


เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับชายคนนึง ที่ได้เข้าทำการผ่าตัด จึงทำให้ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งเค้าก็ได้ขอนอนที่ตึกใหม่ เพราะตึกเก่านั้นมีเรื่องเล่าเยอะมาก 

พอได้นอนที่ตึกใหม่ วันแรกก็ยังไม่เจออะไร แต่คืนที่สอง ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปก็ได้ยินเหมือนเสียงคนเดินเข้ามาหา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เปิดประตูห้อง 

และพอลืมตาขึ้นก็สบสายตากับเด็กผู้หญิงคนนึงที่ตัวซีดเผือก ใส่ชุดโรงพยาบาล พร้อมกับมองมาที่เขาและพูดว่า “ออกไปนะ นี่ที่ของหนู” พร้อมกับปีนขึ้นเตียงมาจะนอนด้วย 

ตอนนั้นสติก็ไม่ค่อยมี เลยได้แต่บอกว่าขอนอนคืนนึงนะแล้วจะไป พอพูดจบร่างของเด็กน้อยคนนั้นก็จางหายไป…

คืนเดียวกันนั้นทั้ง ๆ ที่หลับไป แล้วกลับได้ยินเสียงเด็กผู้ชายดังขึ้น “ซื้อพวงมาลัยมั้ยลุง” ตอนนั้นคิดว่าตัวเองฝัน เพราะโรงพยาบาลนั้นห้ามให้คนขึ้นมาขายของอยู่แล้ว แต่พอลืมตาขึ้น กลับเห็นเด็กชายคนยืนถือพวงมาลัยอยู่ ตัวเต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญขาทั้ง 2 ข้างหายไป!!

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

เพื่อนข้างเตียง..

เพื่อนข้างเตียง..


เรื่องของคนไข้เด็ก 2 คนที่นอนเตียงตรงข้ามกัน โดยทั้งคู่ต่างก็อยู่โรงพยาบาลมานานหลายเดือน จนมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตไปก่อนด้วยโรคประจำตัว…

หลังจากนั้นไม่กี่คืน ขณะที่หมอ 2 คนกำลังพยายามเจาะเลือดเด็กอีกคนที่ยังมีชีวิตอายุประมาณ 2 ขวบ เขาก็ได้พูดชื่อของเด็กที่เพิ่งตายไปออกมา พูดไม่หยุด หมอเรียก หมอห้ามยังไงก็ไม่ฟัง 

และขณะที่เรียกตาก็จ้องมองไปยังเตียงตรงกันข้ามที่ว่างเปล่านั้น และพยักหน้า ยิ้มแย้ม เหมือนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ เล่นเอาหมอกับพยาบาลขนลุกซู่ เดินหนีไปทำใจเลยทีเดียว

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

ณ ห้องชันสูตรศพ

ณ ห้องชันสูตรศพ


เป็นเรื่องที่ผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรศพเจอมากับตัว ซึ่งวันนั้นเป็นเวรดึกของแกที่ดันเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนัก 

จู่ๆ ก็มีเคสผู้หญิงผูกคอตายเข้ามา ตอนนั้นแกทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอหมอ ผ่านไป 1 ชม. หมอก็ยังไม่มา ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไฟก็ดับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของวันฝนตก 

ผ่านไปสักพักไฟของตึกอื่นก็เริ่มสว่างขึ้น แต่ตึกนิติเวชที่แกอยู่นั้นยังมืดสนิท ด้วยความเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเสียง ก๊อกๆ ดังขึ้น ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นหมอ แต่พอไปเปิดกลับไม่เจอใคร เลยคิดว่าอาจจะเป็นพวกโจรมาขโมยศพรึเปล่า 

พอแกกำลังจะกลับไปนั่งที่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ดังมาก เหมือนเคาะมาจากห้องเก็บศพข้างๆ จึงตัดสินใจหยิบมีด และเดินไปที่ห้องเก็บศพ 

ขณะนั้นก็ได้ยินเสียง “ฮือ…ฮือ….” และเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วห้อง จึงรีบเปิดประตูเข้าไป 

พบผู้หญิงกำลังผูกคอตายอยู่เหนือที่วางศพ จึงรีบขึ้นไปตัดเชือกให้ 

แต่พอตัดเท่านั้นสิ่งที่ตกลงมากับไม่ใช่ร่างคน แต่เป็นหัว!! ที่กลิ้งไปตกอยู่ที่พื้น พอแกมองไปศพตากับหัวนั่น เธอก็พูดขึ้นว่า “พี่…ช่วย หนู ด้วย”

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

ญาติมาเยี่ยม

ญาติมาเยี่ยม


เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ ที่หมอเดินเข้ามากำลังจะเข้าไปตรวจคนไข้ที่ห้องรวม 

พอเดินเข้ามาก็ต้องชะงักเล็กน้อยกับภาพที่เห็น คือมีญาติคนไข้มาเยี่ยม ซึ่งคนไข้คนนั้นนอนโรงพยาบาลมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยม 

พอเห็นอย่างนั้นหมอจึงได้แต่ยิ้ม และเดินไปตรวจเตียงอื่นๆ พอถึงคิวของคนไข้คนนั้นหมอได้พูดว่า “วันนี้ดีจังเลยนะมีคนมาเยี่ยมด้วย” 

คนไข้ได้แต่ทำหน้างง และบอกว่าก็ไม่มีใครมาหนิ พยาบาลแล้วนั้นก็งง กันเป็นแถบๆ เพราะยืนยันได้ว่าไม่มีใครมาขอเยี่ยม 

หมอจึงบอกว่าก็ผู้ชายคนนั้นไง ที่ใส่เสื้อสีฟ้า หน้าตาคล้าย ๆ คนไข้เลย คนไข้จึงนิ่งไปและบอกว่า นั่นอาจจะเป็นน้องชายของเค้าที่ตายไปแล้ว..ซึ่งตอนจะเผาก็ใส่เสื้อสีฟ้าแบบ ที่คุณหมอบอกเด๊ะๆ!!

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ห้องคลอดสยองขวัญ!!

ห้องคลอดสยองขวัญ!!



เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ได้มีเด็กวัยรุ่นพม่าผู้หญิงคนนึงมาคลอดลูกที่โรงพยาบาลนี้ ซึ่งทั้งแม่และลูกก็ปลอดภัยดี 

แต่ผ่านไป 1 วันก็มีคนพบศพเด็กถูกกดน้ำตายในห้องน้ำ พร้อมกับพม่าคนนั้นที่หายตัวไป…ซึ่งเรื่องราวสุดหลอนก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น 

เพราะบรรดาแม่ ๆ ทั้งหลายที่มาคลอดลูกที่นี่มักจะเจอดี ทั้งเจอผีเด็กมาดูดนมบ้าง มาร้องไห้ที่ข้างเตียงบ้าง 

พยาบาลเลยต้องหาวิธีแก้โดยเอาของเล่น และนมมาวางไว้ในห้องน้ำห้องนั้น ซึ่งนานๆที่ก็จะมีคนได้ยินเสียงหัวเราะบ้าง เสียงของเล่นบ้าง ทั้งๆที่ห้องน้ำนั้นไม่มีใครอยู่!!

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

เดี๋ยวพี่พาไปส่ง..

เดี๋ยวพี่พาไปส่ง..


เรื่องของสองพี่น้องลูกคุณหมอ ที่ได้ตามพอมาออกเวร ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลา 5 ทุ่มกว่าแล้ว ทั้งคู่ก็เบื่อกับการนั่งอยู่เฉยๆ เลยพากันออกมาเดินเล่นแถวๆนั้น ซึ่งหารู้ไม่ว่ามันคือ ห้องดับจิต!! 

พอเดินไปเดินมากลับหลงทางหาทางไปห้องของพ่อไม่ถูก จู่ๆ กลับมีผู้หญิงคนนึงใส่ชุดคนไข้เดินเข้ามา บอกว่าจะช่วยพาไปส่งให้ เพราะแถวนี้มันอันตรายผีเยอะ!! 

ทั้งคู่ก็เดินไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นสายสิญจน์ผูกอยู่ที่ข้อมือแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จนพามาส่งถึงที่ทั้งคู่จึงหันไปขอบคุณผู้ป่วยคนนั้น เธอได้บอกว่าเธอยินดีที่จะช่วย และเหงามาก ถ้าว่างๆ อยากให้ไปคุยเป็นเพื่อนเธอที่ห้อง 139 

พอเธอเดินกลับไปทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในห้อง พยาบาลต่างมองทั้งคู่เป็นตาเดียว แล้วถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร ทำไมไม่เห็นจะมีใครอยู่ตรงนั้นเลย!? 

พอตอนเช้าจึงได้เล่าให้พ่อฟัง พ่อจึงพาไปที่ห้อง 139 แต่พอไปถึง พยาบาลกลับบอกว่า “คนไข้ห้องนี้เสียไปเมื่อ 2 วันที่แล้วค่ะ”

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

ผีหัวขาด ณ ห้องน้ำ

ผีหัวขาด ณ ห้องน้ำ


เรื่องนี้เคยเป็นข่าวที่ทำเอาคนอยุธยาไม่กล้าไปโรงพยาบาลกันพักใหญ่ เพราะใคร ๆ ก็พากันพูดถึงผีหัวขาดกันทั้งนั้น 

เรื่องมีอยู่ว่าชาวบ้านคนนึงได้ไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาล ซึ่งได้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวมทำให้ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน จากที่สังเกตก็ไม่ได้มีญาติคนไข้ที่เป็นผู้ชายเลย 

เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เธอก็ได้ไปเข้าห้องน้ำ พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับผู้ชายใส่เสื้อสีชมพู ตัวสูง ซึ่งก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ชายมาเยี่ยมไข้ใครเลยแม้แต่คนเดียว จึงได้หันกลับไปมองดูที่เตียงทั้งหลาย 

แต่พอหันกลับมาก็ทำเอาตกใจแทบจะเป็นลม เพราะ เห็นชายคนเดิมยืนคู่กับหญิงสาวหัวขาด และมือขวาของชายคนดังกล่าวยังหิ้วหัวของหญิงสาวคนนั้นไว้ด้วย!! 

จึงรีบวิ่งเพื่อไปถามพยาบาล โดยพยาบาลก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจ แต่ตอบสั้นๆว่า “อ๋อ..มีคนเจอแบบนี้มาสองรายแล้วค่ะ”

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2558

นักศึกษาแพทย์โดนดี

นักศึกษาแพทย์โดนดี


ทุกคนคงจะรู้ดีว่ากว่าจะได้มาเป็นหมอเนี่ย นักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องผ่านการเข้าเวรดึกกันมาทั้งนั้น…

วันนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม นักศึกษาแพทย์ชายคนนึงกำลังจะเดินเปลี่ยนวอร์ด บรรยากาศตามทางเดินไปยังลิฟต์ก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่แถวนั้น แต่จู่ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาไปยังทางเดินก็พบกับชายใส่ชุดสีกากี 

เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาส่งของ แต่พอเดินใกล้กันเข้าๆ กลับรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว พอมองไปที่ชายคนนั้นก็สังเกตเห็นว่าทั้งแขน ทั้งไหล และขาไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย!! 

จนเมื่อเดินสวนกันก็ถึงได้เห็นว่าชายคนนั้นไม่มีขา และกำลังลอยอยู่บนอากาศ!! พอเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ โดยก่อนลิฟต์จะปิดชายชุดกากีคนนั้นก็หันหน้ามาและยิ้ม แหยะ ๆ ให้

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตำนานเสือสมิง

ตำนานเสือสมิง


เรื่องเล่านี้เป็นตำนานของจังหวัดแห่งหนึ่งใน ต.เขาสมิง
ปู่ กับหลาน คู่หนึ่งเดิมเป็นคนพื้นเพในละแวกนี้ เดินทางเข้าไปในป่า เพื่อตัดไม้ มาเผาถ่านขาย หนทางเต็มไปด้วยเถาวัลย์และกิ่งไม้ละโยงละย้า เดิน ไปพลางก็ฟันกิ่งไม้ไปพลาง อากาศเริ่มเย็นขึ้น ๆ เพราะตอนนี้สองคน ปู่หลานเข้าป่ามาลึกมากแล้ว ซึ่งโดยทั่วไปจะค่อยมีคนเดินเข้ามาถึงที่นี่ “แกล้บ ๆ” เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังมาจากที่ใดสักแห่งในป่า ปู่กับหลาน หยุดเดิน แล้วเงื่ยหูฟัง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร ทั้งสองก็ไม่ได้คิดอะไรเดิน ตัดไม้ต่อไป

จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
ปู่ กับหลานก็หลงป่า เพราะมอง ไม่เห็นทาง หาทางออกจากป่าไม่เจอ จึงพยายามหาต้นไม้ที่สูงและกว้าง พอที่จะนอนพักเอาแรงได้ เพื่อเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นปู่กับ หลานนอนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ เพราะปู่รู้ดีว่าในกลางป่าอย่างนี้ต้องมีอันตราย แน่นอน เวลาประมาณตีหนึ่งกว่า ๆ อากาศเย็นขึ้นกว่าเดิม วังเวงผิดปกติ หลานก็หลับสนิท ปู่ก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงเหยียบใบไม้เหมือนเมื่อตอนกลางวัน ปู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นแล้วปลุกหลาน

หลานเหลือบไปเห็นหญิงคน หนึ่งหน้าตาคล้ายแม่ของตนเองมาก แล้วพูดว่า
แม่มาตามหนูกลับบ้าน หรือ” “จ้ะลูก” เสียงตอบจากหญิงคนนั้น “ลงมาหาแม่เร็ว”

ขณะที่เด็กคนนั้น กำลังจะลงไปหาหญิงคนนั้น ปู่ก็คว้ามือของเด็กเอาไว้ ห้ามไม่ให้ไป แล้วพูด ว่า “นั่นไม่ใช่แม่แกหรอก” เด็กก็ยังอยากจะไปหาแม่ จึงร้องไห้เสียงดัง

หญิงคนนั้นก็เดินไปเดินมาแล้วเรียกเด็กคนนั้นต่อไป
ปู่ จึงหันไปกำใบไม้ข้างๆตัว แล้วเสกคาถากว้างไปยังหญิงที่อยู่ข้างล่าง หญิงคนนั้นร้องเสียงดังอย่างโหย หวน แล้วพยายามปืนขึ้นไปหาปู่กับหลานสองคน แต่ปู่ก็เสกใบไม้แล้วกว้างลงไปอีก ตำนานนี้จึงเกิดมาเป็น ต.เขาสมิง ของจังหวัดแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออก.

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

โรแลง พิธีปลุกผี

โรแลง พิธีปลุกผี


มีพิธีกรรมอันแปลกประหลาดพิธีหนึ่ง

เรียกว่าโรแลง ซึ่งแปลว่าศพลุกขึ้นยืนได้ พงศาวดารโบราณที่กล่าวถึงเรื่องราวของศพเดินได้นี้เกิดขึ้นก่อนสมัยพุทธกาล ในทิเบต พิธีนี้กระทำโดยหมอผีชาวชามันบอนโพ ในระหว่างที่มีการทำบุญก่อนจะนำศพไปป่าช้า…

โรแลงนั้นมีหลายประเภท แตกต่างกันไป

บางประเภทก็ทำให้วิญญาณคนหนึ่งไปสิงอยู่ในซากศพของอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็ทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้…เกี่ยวกับพิธีนี้ได้มีผู้เล่าว่า ในคืนวันประกอบพิธีโรแลงครั้งหนึ่ง ผู้ประกอบพิธีได้ปิดประตูขังตนเองอยู่กับศพในห้องอันมืดมิด

วิธีที่จะให้ศพฟื้นขึ้นมาได้นั้น

ในขั้นแรกหมอผีจะนอนทาบบนศพที่นอนอยู่ แล้วจูบปากศพจนแน่นสนิท ขณะที่กอดศพอยู่นั้น ต้องร่ายเวทมนตร์คาถาภายในใจ แล้วกำหนดสมาธิจดจ่ออยู่กับร่างศพเท่านั้น เพียงชั่วครู่ศพนั้นก็จะค่อย ๆ เคลื่อนไหวแล้วยันกายลุกขึ้น

จากนั้นก็จะพยายามวิ่งหนี

ส่วนหมอผีที่ประกอบพิธีก็จะต้องกอดรัดศพนั้นใว้ให้แน่นที่สุด ในตอนนี้ศพจะดิ้นสุดขีดเพื่อให้หลุดพ้น ถึงกับเกิดการต่อสู้กันขึ้น มันจะจำแลงแปลงกายให้ร่างสูงใหญ่ขึ้นลากหมอผีไปมา ฝ่ายหมอผีก็ไม่ลดละ กลับกอดรัดใว้อย่างแน่นเหนียว

พร้อมทั้งเร่งร่ายเวทมนตร์คาถากำกับทุกลมหายใจเลยทีเดียว

ในที่สุดศพก็จะอ้าปากและแลบลิ้นออกมา ช่วงนี้แหละครับที่เรียกว่า **นาทีวิกฤต** อันเป็นความต้องการของหมอผี

หมอผีต้องรีบกัดลิ้นปิศาจให้ขาดออกจากกัน แล้วศพนั้นจะล้มลงนอนกับพื้นทันที

ในการปลุกผีจากศพนี้หากหมอผีควบคุมไม่ได้

ก็หมายความว่าหมอผีต้องถูกฆ่าตายในที่สุด!!

ลิ้นที่หมอผีได้มานั้น หากนำมาตากให้แห้ง ก็จะกลายเป็นเครื่องรางของขลังอันวิเศษสุด เป็นสมบัติอันล้ำค่าที่จะนำชัยชนะ อีกทังลาภสักการะมาสู่ผู้เป็นเจ้าของทุกประการ……!!!!!!!!

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ขนลุกทั้งวัด!! ภาพถ่ายติดวิญญาณครูเกษียณ เดินบนเมรุในงานศพตัวเอง ญาติสุดอึ้ง

ขนลุกทั้งวัด!! ภาพถ่ายติดวิญญาณครูเกษียณ เดินบนเมรุในงานศพตัวเอง ญาติสุดอึ้ง


วันที่ 10 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางขวัญใจ คุ้มแก้ว อายุ 51 ปี อยู่ ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นำรูปภาพที่อ้างว่าถ่ายติดวิญญาน ซึ่งถ่ายไว้ เมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา วันดังกล่าวเป็นวันฌาปนกิจศพครูสุเทพ คำประสงค์ อายุ 89 ปี หรือ ครูรอด อดีตเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ คลอง 13 ธัญบุรี และครูโรงเรียนวัดอดิศร หมู่ 1 ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จนกระทั่งใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการได้มาเป็นไวยาวัจกรที่วัดอดิศร จนเสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัว ซึ่งหลังเสียชีวิต ทางญาติๆ และทางวัดก็ได้จัดพิธีทางศาสนาให้

ต่อมาในวันเผาศพได้เกิดสิ่งที่สร้างความฮือฮาอย่างมากเมื่อมีผู้ถ่ายรูปเมื่อมาดูกลับพบว่ามีวิญญาณของครูรอดปรากฏขึ้นด้านหน้าเมรุสร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาญาติ และแขกที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นางขวัญใจ เปิดเผยว่า ตนได้มาร่วมงานเผาศพ และได้รับไลน์จากทางโทรศัพท์ผู้ที่ถ่ายรูปดังกล่าว เมื่อเปิดดูก็พบว่ามีวิญญาณของครูรอดนั้น ยืนอยู่บนเมรุเผาศพจริงตอนแรกไม่เชื่อด้วยความไม่แน่ใจจึงได้ไปถามญาติของผู้ตายดูว่าใช่ครูรอดหรือไม่ทางญาติยืนยันว่าวันทีนำศพลงโลงนั้นได้ใส่เสื้อผ้าชุดที่เห็นในภาพดังกล่าวให้ครูรอดและบอกว่าเป็นตัวครูรอดจริงทำให้ตนเองตกใจจนขนลุก

นางขวัญใจกล่าวต่ออีกว่าวันดังกล่าวมีผู้มาร่วมงานศพหลายร้อยคนเมื่อเห็นภาพดังกล่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นวิญญาณของผู้เสียชีวิตที่เพิ่งรู้ตัวเองว่าเสียชีวิตไปแล้วมาปรากฏตัวให้เห็นต่างก็บอกว่าผู้ตายอาจเป็นห่วงเรื่องงานที่ค้างคาไว้กับทางวัดก็เป็นได้เพราะผู้ตายเป็นคนที่ชอบช่วยเหลืองานวัดมาโดยตลอด และเป็นคนใจบุญ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบต่อไป เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ ขนหัวลุกจากมหาวิทยาลัย

เรื่องเล่าผี ๆ ขนหัวลุกจากมหาวิทยาลัย


หนูเรียนอยู่ปี 2 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง รู้สึกรักและผูกพันกับสถานที่และเพื่อนๆ มาก ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่หนูคนเดียว เชื่อว่าคนที่ผูกพันมากกว่าหนูคงมีอีกไม่น้อย เช่น "พี่อ้อ" คนหนึ่งละค่ะ

เธออยู่ปี 3 คณะบริหารธุรกิจ คนละคณะกับหนู แต่เราเจอกันบ่อย ถึงจะคนละคณะแต่ก็มานั่งเป็นเพื่อนคุยกัน นั่งกินขนมด้วยกันได้

พี่อ้อบอบบางราวกับต้นอ้อจริงๆ เรียนเก่งมาก เรียบร้อยนุ่มนวล ยังไม่มีแฟน แต่ดูเศร้าๆ พิกล คนอื่นๆ นินทาว่าพี่อ้อน่าสงสาร คุณพ่อเป็นทหาร ดุมาก เคี่ยวเข็ญอยากให้ลูกได้ดี มีการศึกษาสูงๆ ลูกต้องเรียนเก่ง คะแนนเป็นเลิศ ซึ่งพี่อ้อก็ทำได้มาตั้งแต่ต้น...เธอได้ที่หนึ่งของชั้นมาตลอด หากเป็นที่สองขึ้นมาละก็โดนพ่อตีน่วมเลย

เธอเป็นลูกคนโต รับกรรมเช่นนี้คนเดียว น้องอีกสองคนเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่พ่อไม่เคี่ยวเข็ญ...เรียนเก่งเลิศอย่างเธอน่าจะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาล แต่คุณพ่อเธอบอกว่ามหาวิทยาลัยนี้ดีเด่นด้านธุรกิจ จึงส่งลูกมาเรียนเอาวิชา

พี่อ้อเป็นที่รักของเพื่อนฝูงและอาจารย์ พ่อค้าแม่ค้าก็รักเธอทุกคน แต่แล้วเมื่อกลางเทอมสุดท้ายปีก่อน เธอป่วยค่ะ...ไม่ใช่ป่วยทางกาย แต่ป่วยทางจิตอย่างรุนแรง!

เริ่มจากที่เธอร้องไห้ตาแดงทุกครั้งเมื่อถึงวิชาเรียนชั่วโมงสุดท้าย ตอนแรกไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไรก็ปลอบถามกัน เธอสะอื้นเลย...บอกว่าไม่อยากออกจากมหาวิทยาลัยกลับไปบ้านค่ะ...เธอบอกว่าเวลา 5-6 โมงเย็น ตะวันตกดิน เป็นเวลาที่เธอเศร้ามาก

พวกเราปรึกษาอาจารย์ ทุกคนเป็นห่วง อยากคุยกับทางบ้านเพื่อช่วยแก้ปัญหาแต่สายเกินไปค่ะ...เราทราบว่าเธอพยายามฆ่าตัวตาย เธอแขวนคอแต่น้องชายมาเห็นช่วยไว้ได้ ไม่ช้าเธอก็กรีดข้อมือเป็นแผลเหวอะหวะ ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาล

เช้าวันหนึ่ง หนูแทบช็อกเมื่อเห็นประกาศติดบอร์ด... เชิญชวนไปงานศพพี่อ้อ

สาเหตุที่บอกไว้ในบอร์ดคืออุบัติเหตุ แต่เรื่องจริงคือ เธอทุบบานเกล็ดหน้าต่างโรงพยาบาลมาเชือดคอ เชือดข้อมือ ตายอย่างน่าสงสารที่สุด

พี่อ้อตายไม่ถึง 24 ชั่วโมงเธอก็มามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ!

มีหลายๆ คนเห็นใครๆ คล้ายเธอไปหมด พวกเราหัวเราะสนุกว่าตาฝาด

แต่ตอนเย็นวันนั้น ภารโรงอายุราว 50 แกร้องโวยวายออกมาจากห้องสมุดหน้าตาท่าทางขวัญเสียมากๆ เล่นเอาเด็กที่อยู่เกือบทุ่มวันนั้นตกใจแตกตื่นกันใหญ่

แกเล่าว่า ขณะกำลังจะปิดห้องสมุด แกเข้าไปสำรวจดู เห็นเด็กนักศึกษาหญิงนั่งอยู่คนเดียว แกเลยว่าให้กลับบ้านเถอะ แกจะล็อกห้อง เด็กคนนั้นหันมา แกมองหน้าไม่ชัด...แต่หัวเด็กผู้หญิงนักศึกษาค่อยๆ โตขึ้นๆ ขยายใหญ่จนแกรู้ว่าถูกผีหลอก

พวกเราที่ไปใช้ห้องสมุดจะเจอกับพี่อ้อบ่อยมาก ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ และคนก็ไปใช้ห้องสมุดกันเนืองแน่น

บางคนจะพบเธอนั่งกับพื้น ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ตามซอกชั้นต่างๆ

บางทีก็หลบมุมหันหลังนั่งคนเดียว ปะปนกับคนเป็นๆ

วิญญาณพี่อ้อวนเวียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ราวกับเธอยังมีชีวิตอยู่กระนั้น!

ต่อให้รักขนาดไหนเราก็ขยาดนะคะ เวลาเดินๆ อยู่หากเจอใครเดินอยู่ข้างหน้าคล้ายๆ พี่อ้อละก็เราจะผวากันเป็นแถว...กลัวเธอหันมายิ้มให้ละเป็นวิ่งเปิดเปิงแน่

เรื่องที่ร้ายที่สุดเกิดขึ้นวันสุดท้ายที่สอบเสร็จ

วันนั้นพวกเราหลายคนอยู่เย็นเพราะนัดจะไปเที่ยวกันเกือบทุ่มแล้ว นักศึกษาภาคค่ำหยุดเรียน ทำให้บรรยากาศวังเวง ตอนนั้นไม่ยักมีใครนึกถึงพี่อ้อ...ลืมด้วยซ้ำค่ะ

แต่แล้วเจ้าแซม เพื่อนที่ทะลึ่งกว่าเพื่อนเกิดเงยมองบนห้องสมุดซึ่งอยู่ชั้น 5 โน่น มันมองแล้วตาค้าง...ค้างอยู่อย่างนั้น ทำให้พวกเราพลอยมองตามสายตามันไปมั่ง...พวกเราเกือบ 10 คนมองภาพนั้นแล้วตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน

พี่อ้อยืนหน้าห้องสมุด แม้จะมืดเราก็จำเธอได้ เธอยิ้มฟันขาว แต่งชุดนักศึกษา ท่าทางเหมือนยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด เธอยิ้มและโบกมือให้พวกเราอย่างร่าเริง สดใส

เจ้าแซมถามเสียงสั่นว่า...เห็นมั้ย?

เราพูดไม่ออก แล้วพี่อ้อก็หายไปในความมืด เชื่อเลยค่ะว่าผีมีจริง พี่อ้อมีความสุข และคงจะสิงสู่อยู่ในมหาวิทยาลัยที่เธอรักไปตราบนานเท่านาน!

เรื่องเล่าจาก ข่าวสด

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ คนเล่นของถึงฆาต

เรื่องเล่าผี ๆ คนเล่นของถึงฆาต


สมัยเด็กผมอยู่ อ.บ้านนา จ.นครนายก ได้พบเห็นเรื่องแปลกๆ เกี่ยวกับไสยศาสตร์ ส่วนมากเกี่ยวกับอยู่ยงคงกระพัน บ้างก็มีพระห้อยคอ บ้างก็มีตะกรุดหรือผ้ายันต์ติดตัว ที่แน่ๆ คือผู้ชายจะสักยันต์ต่างๆ กันทุกคนไป

ชายชราอายุห้าสิบเศษชื่อลุงดั่น มีอาชีพทำสวนผักอยู่ใกล้ๆ บ้านผม ลูกๆ แกเติบโตแยกย้ายกันไปหมดแล้ว อยู่กับเมียชื่อป้าแววเพียงสองคนตายาย เป็นคนเล่าเรื่องของขลังต่างๆ ให้ผมฟังหลายครั้ง โดยเฉพาะความเชื่อถือในกฎเกณฑ์เก่าๆ อย่างเคร่งครัดแทบไม่น่าเชื่อ

ลุงดั่นบอกว่าคนเล่นของจะไม่ยอมไปกินอาหารในงานศพ ถ้าไปงานศพกลับมาต้องรีบล้างหน้าด้วยน้ำมนต์ หรือน้ำแช่ใบทับทิม

ไม่กินผลไม้ เช่น มะเฟืองและละมุดเด็ดขาด เพราะถือว่าคล้ายคลึงกับอวัยวะเพศของสตรี แม้แต่น้ำเต้าก็ไม่กิน เพราะทั้งชื่อและลักษณะเหมือนทรวงอกผู้หญิง

ไม่ลอดราวตากผ้า ไม่ลอดใต้บันได เพราะเชื่อว่าจะทำให้ของเสื่อม

ถ้าเข้าส้วม (หรือเว็จ) ข้างๆ บ้าน แล้วมีใครมาตะโกนเรียกก็จะไม่ยอมขานรับเลย จนกว่าจะโผล่ออกมาแล้ว

ลุงดั่นมีห้องพระเล็กๆ อยู่ข้างห้องนอน แกเคยพาผมเข้าไปดูครั้งหนึ่งก็เห็นบรรยากาศดูทึบทึมน่ากลัว มีพระ บูชากับเทวรูป ตุ๊กตาเด็กสูงราวหนึ่งศอก ปิดทองแทบทั้งตัว...แกบอกว่าเลี้ยงกุมารทองไว้เฝ้าบ้านด้วย

"ถ้ามีใครคิดร้ายบุกเข้ามา กุมารทองของข้าก็จะจัดการมันเอง" แกบอกผมพร้อมเสียงหัวเราะ แต่แววตาดูเหี้ยมเกรียมน่าขนลุก

พ่อผมเล่าว่า เมื่อหนุ่มๆ ลุงดั่นเป็นนักเลงใหญ่ ก่อศัตรูไว้มากมาย แม้ว่าต่อมาแกจะวางมือ หรือ "ถอดเขี้ยวถอดเล็บ" แล้ว แต่ก็ไม่แน่ว่าพวกศัตรูเก่าๆ ยังจะอาฆาตจองเวรอยู่หรือเปล่า? ด้วยเหตุนี้เอง ลุงดั่นจึงต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา

คืนหนึ่งก็เกิดเหตุร้ายขึ้น เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงคล้ายสัตว์ขู่คำราม ระคนกับเสียงเด็กแผดร้องโหยหวน ตามด้วยเสียงแช่งด่าของลุงดั่น...จนกระทั่งเสียงน่ากลัวต่างๆ เงียบหายไป พวกเราจึงจุดไฟออกไปดู

ภาพที่เห็นทำให้ตกตะลึงไปตามๆ กัน!

ลุงดั่นนุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว หน้าอกกับแผ่นหลังพราวด้วยลายสักยันต์ มือถือดาบยืนจังก้าอยู่ที่หัวบันได สายลมพัดยอดไม้ดังซู่ซ่าเกรียวกราว ฟังเหมือนเสียงใครกลุ่มหนึ่งกำลังหัวเราะครืนอย่างเย้ยหยัน

"มาฆ่ากูซีวะ ไอ้เดนนรก! เมียกูไปทำอะไรให้มึง ไอ้หน้าตัวเมีย...รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้"

เพื่อนบ้านช่วยกันปลอบโยน ลุงดั่นโยนดาบทิ้ง นั่งซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้นฮัก...เมื่อเข้าไปในห้องก็ผงะหน้าไปตามๆ กัน

ป้าแววนอนหงายลืมตาโพลง เลือดท่วมตัว ใบหน้าและทรวงอกมีริ้วรอยเหมือนถูกกรงเล็บสัตว์ฉีกเหวอะหวะอย่างน่าสยอง...ใกล้ๆ กันนั้นมีร่างของตุ๊กตาที่เรียกกันว่ากุมารทอง คอขาด แขนขาหักรุ่งริ่งแทบกลายเป็นเศษดินด้วยซ้ำไป!

ไม่ต้องบอกก็รู้กันดีว่า ศัตรูเก่าของลุงดั่นตามมาอาฆาตจองเวรอย่างไม่ลดละ...แม้ว่าจะทำร้ายลุงดั่นไม่ได้ เมีย ของแกก็ต้องรับเคราะห์แทน

เมื่อเผาศพป้าแววแล้ว ลุงดั่นก็หาสายสิญจน์มาล้อมบ้านไว้ ตอนกลางคืนก็ถือดาบลงไปเดินวนเวียนรอบบ้าน ด้วยความหวาดระแวงว่าจะถูกศัตรูปองร้ายอีกครั้ง

สิ่งที่ทำให้เพื่อนบ้านขนหัวลุกก็คือ ตอนดึกๆ เมื่อลุงดั่นขึ้นไปนอนแล้ว มักมีเสียงหมาหอนโหยหวน ดังเยือกเย็นเข้าไปถึงหัวใจ...หลายๆ คนโผล่หน้าต่างดูก็เห็นป้าแววเดินเลาะอยู่ริมรั้วไม้ไผ่ที่มีสายสิญจน์ล้อมรอบ พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้นก่อนจะเดินหายลับไปทางป่าช้า

อีกราวเดือนเศษ ลุงดั่นก็นอนหลับไปตลอดกาล ไม่ปรากฏว่ามีบาดแผลใดๆ เลย คนลือกันว่าป้าแววหาโอกาสเข้าไปในบ้านจนได้ บางคนก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของศัตรูเก่า เข้าทำนอง "เหนือฟ้ายังมีฟ้า" คนเล่นของอย่างลุงดั่นจึงปิดตำนานลงเพียงนี้เอง!

เรื่องจาก ข่าวสด

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

หนุ่มเชียงรายช็อก! กดติด 'วิญญาณสาว'


หนุ่มเชียงรายช็อก! กดติด 'วิญญาณสาว' กูรูฟันธงภาพตัดต่อ


ช็อก! หนุ่มเชียงรายกดติดวิญญาณสาวผมยาวในห้องพัก เผยขณะนั่งดูทีวีมีลำแสงสีขาวพุ่งเข้าไปที่ด้านหลังทีวีจึงหยิบบีบีขึ้นมาถ่ายพบเป็นภาพหญิงสาวดังกล่าว ยันไม่ได้ตัดต่อ สามารถตรวจสอบได้ ด้านกูรูช่างภาพฟันธงภาพถูกตกแต่งมาก่อน...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ส.ค. ที่ สภ.เมืองเชียงราย ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พ.ต.ต.ผดุงพล กิจชนะไพบูลย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงรายว่า มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปในห้องนอนมีภาพหญิงสาวผมยาวติดมา คาดเป็นวิญญาณสาว จึงรุดไปตรวจสอบ ทราบชื่อนายเกริกศักดิ์ มีบุญ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 869/166 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้นำโทรศัพท์มือถือมาเปิดรูปให้ดูพบเป็นรูปถ่ายภายในห้องนอนมีภาพหญิงสาวผมยาวสวมชุดนอนสีขาวยืนอยู่รางๆหน้าทีวี สร้างความฮือฮา และประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก

นายเกริกศักดิ์ กล่าวว่า มีอาชีพพนักงานร้านอาหารเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณตี 1 ขณะนั่งดูทีวีปรากฏว่ามีลำแสงสีขาวพุ่งเข้าไปด้านหลังทีวีจึงเกิดความสงสัย ใช้มือถือบีบีถ่ายรูปเอาไว้ดูเล่น แต่พอเปิดออกมาดูต้องตกใจเพราะมีรูปหญิงสาวผมยาวยืนอยู่หน้าทีวีจึงตกใจมากปิดมือถือไหว้พระนอน จนกระทั่งเช้าจึงนำเอามาให้เพื่อนๆ ดูจนสร้างความฮือฮา อย่างไรก็ตาม ตนจะไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับคนในภาพเนื่องจากน้องสาวเพิ่งถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บมาเมื่อ 5 วันก่อนด้วย

ด้าน พ.ต.ต.ผดุงพล กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกมาก จากการสอบถามนายเกริกศักดิ์ เจ้าของมือถือได้ยืนยันว่าเป็นภาพที่ถ่ายในห้องพักจริงสามารถไปตรวจสอบดูได้และไม่ใช่ภาพตบแต่งหรือโหลดมาจากที่อื่น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาหลอกลวงเพื่อนๆ หรือตำรวจบนโรงพัก การถ่ายภาพมีหญิงสาวหรือวิญญาณติดมานั้นมีเป็นข่าวบ่อยๆ เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้หากไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ตนจึงแนะนำให้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณในภาพถ่ายแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านภาพ ถึงภาพหญิงสาวที่ปรากฏในข่าว เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับภาพยนตร์ชื่อดัง ซึ่งได้รับการยืนยันว่าภาพดังกล่าวคาดว่าจะถูกตกแต่งภาพมาก่อน.

ข้อมูลจาก ไทยรัฐ

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฮือฮา!! ภาพติดวิญญาณ คลิปวีดีโอผีเด็กทารกวัดไผ่เงินฯ


ฮือฮา!! ภาพติดวิญญาณ คลิปวีดีโอผีเด็กทารกวัดไผ่เงินฯ


ความคืบหน้าล่าสุด ก่อนผลสลากออก บนหน้าสื่อทุกสำนึกก็มีการถ่ายภาพนิ่งคล้ายเด็ก “ทารกอ้วนจ้ำม่ำ” ปรากฏอยู่ข้างหน้าโกดังเก็บศพเด็กวัดไผ่เงินฯ "หมายเลข 18" ได้ก่อนวันหวยออกและยิ่งสร้างความหวีดสยองเข้าไปใหญ่ หลังสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดต้นเดือนธันวาคมออกมาตรงเป๊ะๆ กับ โกดังเก็บศพ (ศพ - ความตาย เท่ากับเลขศูนย์) หมายเลข 9 ที่พบศพเด็กมากที่สุด

ความอาถรรพ์ของวัดไผ่เงินฯ ก็ถูกกล่าวขานดัง “อึ้ออึง” อีกครั้ง อีกทั้งการออกมาให้เลขและหลอกหลอนในครั้งนี้ เสียงลือต่างๆ ที่หลายคนตั้งข้อกังขาว่า หลังการบรรดากูรูสร้างรูปปั้นทั้ง 3 เงิน ทอง นาค ให้วิญญาณเร่ร่อนกว่า 2,002 ดวงมีที่สิงสถิตย์นั้น ไม่ออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์ ก็ "ไร้ความหมาย"

และ เรื่องข้อสงสัย ความเฮี้ยน ของวิญญาณเด็กดังกล่าวเพิ่มน้ำหนักเข้าไปใหญ่ เพราะก่อนทีมงานตัดสินใจลงพื้นที่พิสูจน์ได้มี "นักโหราศาสตร์ชื่อดัง" ที่มีความรู้เรื่องการทำพิธีกรรม แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเรื่องรูปปั้นทั้ง 3 ที่กูรูสร้างให้กับวิญญาณเด็กได้สิงสถิตย์อยู่กลายเป็นการกักขังพวกเขาหรือ ไม่...?

ปัจจัยทั้งหมด??จึงเป็นตัวเร่งให้เราต้องยกทีมเพื่อไป พิสูจน์ความจริงที่ วัดไผ่เงินฯ ด่วนอีกครั้ง โดยมีข้อแม้เช่นเดิม คือ เราจะรายงานไปตามจริง ไม่งมงาย ไม่ท้าทาย ห้ามส่งเสียงโวยวาย เห็น ได้กลิ่นอะไรก็ห้ามทัก ห้ามวิ่งหนี ให้เรียกชื่อเล่นทุกคน ก่อนและหลังลงจากรถ ห้ามพูดรวมๆ ว่า "ทุกคนไป" เพราะจะทำให้ดวงวิญญาณที่นั่นติดตามกลับมา

ที่สำคัญให้ทุกคน “ปิดมือถือ” เพราะคลื่นรุนแรงของมันอาจจะรบกวนคลื่นวิญญาณ (ในกรณีถ้ามีผีจริงๆ)

กล่าว สำหรับภารกิจในทริปพิสูจน์นี้ จะเสร็จสิ้นก็ต่อเมื่อ ทีมงานได้ทำ 3 สิ่ง 1.ตั้งกล้องวิดีโอในโหมดกลางคืนแช่เอาไว้ เพื่อพิสูจน์รูปถ่ายที่อ้างว่าถ่าย ติด “ทารกจ้ำม่ำ” ได้ที่ช่อง18 โกดังเก็บศพ 2.ตั้งกล้องวิดีโอในโหมดกลางคืนแช่ไว้ เพื่อพิสูจน์ความแม่นยำในการให้หวยของ โกดังที่เฮี้ยนที่สุดช่องที่ 9 ซึ่งเป็นช่องที่เซียนหวยถูกหวย (เลข 09) กันอย่างมากมาย และเป้าหมายสุดท้ายไปเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยที่ว่า วิญญาณทารก 2,002 ศพที่อยู่ในรูปปั้นทั้ง 3 อันได้แก่ เงิน ทอง และนาคแล้ว ยังออกมาแสดงเฮี้ยนกับชาวบ้านอีกไหม


จาก ถนนวิภาวดีใช้เวลาเดิน ทางราว 1 ชั่วโมงไม่่ต่างจากครั้งที่แล้ว พอถึงสถานที่เป้าหมาย ก่อนทีมงานแยกย้ายกันทำงาน (เนื่องจากครั้งที่แล้วมีข้อผิดพลาดมากมายกับอุปกรณ์มากมาย คราวนี้จึงขนเครื่องไม้เครื่องมือกันอย่างเต็มที่ เช่น กล้องวิดีโอ 2 ตัว พร้อมขาตั้งกล้อง กล้องภาพนิ่ง แฟลช ไฟฉายหลายขนาด ถ่ายไฟฉาย ธูป และเครื่องเซ่นไหว้ให้กับวิญญาณทารก เป็นต้น) ได้พร้อมใจกันไปกราบไหว้ “หลวงพ่อสัมฤทธิ์” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดไผ่เงินฯ ที่ชาวบ้านแนะนำให้ไปขอพรก่อนทำงาน ??

คืนนี้บรรยากาศบริเวณโกดัง เก็บ ศพทารกฯที่เคยสงบ เงียบ เหงา วังเวง วันนี้แตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับดิน เนื่องเพราะมีคอหวยจำนวนหนึ่งทยอยมาแก้บนเพราะถูกหวยเด็ก 09 กันตรงๆ

“ถูกเท่าไหร่บอกไม่ได้ กลัวเจ้าหนี้มาตาม” เจน ช่างแต่งหน้า อาศัยอยู่ที่ซอยประดู่กล่าวพร้อมกับจุดธูป 5 ดอกไหว้เจ้าที่ หลังจากวางของแก้บนก็เดินเคาะโกดังเก็บศพทารกทุกช่องเสียงดังปัง ปัง ปัง... สนั่น หวั่นไหว...!??

“กินขนมนะ แม่เอาขนมมาให้กินนะลูก แล้วมาให้โชคอีกนะ” เจนว่า พร้อมกับเดินจากไปในความมืด แต่กลับทิ้งความสยดสยองไว้ให้กับพวกเรา??

ขณะ ที่ นักเล่นหวยที่ถูกเลข 09 อีกราย เอาแผ่นดีวีดีการแสดงสดลิเกใส่โฮมเธียเตอร์แก้บนให้แก่เด็ก เสียงระนาด ลอยแหวกความมืดเพิ่มบรรยากาศน่ากลัวให้แก่ทีมงานอย่างมาก ??

“ผมถูก 100 บาท บนว่าจะเอา “ลิเกศรราม น้ำเพชร” มาแสดง แต่มีเงินเล่นแค่นั้นพอถูกก็ทำได้แค่เอาแผ่นการแสดงสดลิเกศรราม น้ำเพชรเอามาแก้บน งวดหน้าถ้าถูกอีก ตัวจริงมาแน่ๆ” นักเสียโชคร่างท้วมเปรย??

แม้หัวค่ำจะมีความคึกคักของผู้คนอยู่มาก แต่ทว่าบรรยากาศหลังจาก 22.00 น. เมื่อไฟรอบๆ โกดังเก็บศพทารกถูกดับลง คอหวยที่มาแก้บนก็เริ่มทยอยกลับ

ความน่ากลัวก็เริ่มรุกเข้ามาจู่โจม ทีมงานหลายคนได้กลิ่นเหม็นเน่า เป็นระยะๆ บางคนถึงกลับทรุดตัวลง เพราะทนสูดดมกลิ่นเหม็นเน่าตลอดเวลาไม่ไหว??

“ก่อนหน้านี้ไม่มีนะ กลิ่นเหม็นเน่าพวกนี้มีตอนพวกคุณมา” สัปเหร่อวัดไผ่เงินฯ ทิ้งคำพูดสยองเสร็จก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนนอนหลับ ??

อากาศ เริ่มหนาว ลมและบรรยากาศเงียบสงบ แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องมองหน้ากัน “เลิกลั่ก” คือ รอบๆ บริเวณซึ่งมีแต่ความมืด กลับมีเสียงเหมือนกับคนเหยียบกิ่งไม้-ใบไม้แห้งอยู่ รอบๆ ตัว เพิ่มดีกรีความหวาดกลัวขึ้นไปทะลุไปอีกระดับ

หลังจากนำ กล้องวิดีโอไปตั้งเอาไว้ในจุดที่ว่ากันว่าเฮี้ยนที่สุดพร้อมกับทีมงานยืน เฝ้ากล้องอยู่ใกล้ๆ ที่โกดังช่อง 17-18 ที่มีคนขอหวยมากที่สุด โดยช่างภาพนิ่งแยกย้ายไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ

“พอเหอะๆ เก็บกล้องๆ ครับ” อยู่ดีๆ ทีมงานที่เฝ้ากล้องวิดีโอก็ร้องเสียงหลง เมื่อเวลาการตั้งกล้องผ่านไปครึ่งชั่วโมง

หลัง จากนั้นการมุ่งหน้าทำงานเพื่อสืบค้นความสงสัยของทีมงานก็เร่ิมต่อไปโดยการนำ กล้องวิดีโอไปตั้งบันทึกภาพเอาไว้ที่บริเวณช่องเก็บศพ ที่ 9 ที่มีคนถูกหวยมากที่สุดอีก 30 นาที ??เป้าหมายสุดท้าย ทีมงานนำกล้องวิดีโอไปบันทึกภาพรูปปั้นในอาคาร 2 ซึ่งเป็นที่เก็บรูปปั้นทั้ง 3 ได้แก่ เงิน ทอง นาค มาทราบภายหลังจากเช็คภาพในกล้องวิดีโอว่าจุดนี้ไม่มีสิ่งปกติแต่อย่างใด??

ด้าน นางรจนา กระจ่างโพธิ์ พนักงานขายของร้านชาย 4 หมี่เกี๊ยว ร้านที่เป็นอีกหนึ่งจุดนัดหมายเรื่องเล่าของวิญญาณเด็กวัดไผ่เงินฯ เล่าให้ฟังหลังจากเห็นทีมงานออกมาจากบริเวณวัดว่า คนแถวนี้ถูกหวยกันมากมาย วันนี้ที่มานั่งก็ถูกไปเป็นสิบแล้ว??พนักงานออฟฟิศที่นั่งอยู่ภายใน ร้านดังกล่าว เล่าเหมือนกับอีกหลายเสียงว่า เมื่อวานเพิ่งฝันว่ามีเด็กมาให้หวย ซึ่งก็โชคดีที่ตีถูกคืนนี้เลยมาแก้บน

“หัว ค่ำ คนเยอะเลยนะที่นั่น เพราะคนแถวนี้ถูกหวย 09 ของวัดไผ่เงินฯ กันเยอะเลย ถามว่าวิญญาณเด็กเฮี้ยนลดน้อยลงไหมหลังจากที่ทำบุญไป เรารู้สึกว่าไหม ชาวบ้านแถวนี้ก็รู้สึกว่าไม่ได้เฮี้ยนน้อยลง เพียงแต่ว่าอาจจะมีที่ให้เขาอยู่จริง แต่คำถามก็คือวิญญาณที่เขาจะไปเกิดแล้วถูกสะกดอยู่ในนั้นจะไปเกิดได้ อย่างไร”

สุดท้ายหลังออกมาจากบริเวณวัดแล้ว นายสมภพ งามสอาด หนึ่งในทีมช่างภาพคนสำคัญของไทยรัฐออนไลน์ เล่าเหตุการณ์ที่เขาเผชิญมาขณะตั้งกล้องว่า

“ที่ผมร้อง ก็เพราะว่าผมเห็นเงาของบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวจากทางมุมของโกดัง 20 เคลื่อนไปผ่านโกดังเก็บศพหมายเลข 19 และเงาดังกล่าวก็หายไปในโกดังเก็บศพที่ 18 ตนเอาเกียรติยืนยันเลยว่าตรงนั้นไม่มีใครอีกทั้งบริเวณนั้นยังเป็น พื้นที่ทึบ มีแต่เจดีย์ศพ ที่สำคัญไม่มีแหล่งกำเนิดแสงแต่อย่างใด" สมภพกล่าวทิ้งท้าย ซึ่งคล้ายกับชาวบ้านทั่วไปด้วยว่า รู้สึกว่าวิญญาณจะเฮี้ยนกว่าเก่า "ผมรู้สึกว่าเขาทรมานและยังไม่ไปไหนไม่ได้ ยังวนเวียนอยู่แถวนี้"

ที่สุดแล้ว ?คำถามกระตุ้นความสงสัยดังๆ ของเหล่าชาวบ้านทั่วไปที่ว่า “วิญญาณเด็กที่ถึงเวลาจะไปเกิดแล้วถูกสะกดอยู่ในรูปปั้นจะไปเกิดได้อย่างไร”

เป็นเรื่องหลายฝ่ายควรจะนำไปขบคิดเหมือนกัน...??

ข้อมูลจาก ไทยรัฐ

yengo หรือ buzzcity

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ ภาพถ่ายติดวิญญาณ สตูล

เรื่องเล่าผี ๆ ภาพถ่ายติดวิญญาณ สตูล



สตูล ฮือฮาภาพถ่ายติดวิญญาณงานส่งเสริมการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ละงู อ.ละงู จ.สตูล ได้ถ่ายภาพงานเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลละงู ซึ่ง อบต.จัดขึ้นที่สวนสาธารณะหนองปันหยา ต.ละงู วันที่ 7-10 มกราคม โดยได้ถ่ายภาพคู่ของดีเจชายหญิงในคืนวันที่ 10 มกราคม เมื่อกลับมาลงภาพในคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่ามีภาพหญิงชราปรากฏขึ้นในภาพ ทั้งที่ช่วงถ่ายภาพไม่มีใครในบริเวณนั้น สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ถ่ายภาพ เพราะถามใครก็ไม่รู้จักหญิงชราในภาพ

น.ส.จิรารัตน์ หวันดาหลา อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่ธุรการส่วนการศึกษา หรือดีเจหรา กล่าวว่า ได้ให้ น.ส.รองรัตน์ บารา ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พัสดุ กองคลัง ถ่ายภาพตนคู่กับดีเจตะวันบริเวณข้างเวที ตอนเช้านำภาพมาลงคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่ามีภาพใบหน้าหญิงชราปรากฏเกิดขึ้น ขณะที่อีกภาพที่ถ่ายคนละมุมเพื่อหลบแสงไฟจากด้านหลังไม่มีภาพหญิงชรา สอบถามก็ไม่มีใครรู้จัก จึงมีคนมาทำพิธีเข้าทรงบริเวณหนองน้ำปันหยาสถานที่จัดงาน จึงทราบว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่บริเวณนั้นเมื่อหลายร้อยปี หรือเป็นโต๊ะทวดที่ปกปักรักษาหนองน้ำมาดูลูกหลานจัดกิจกรรมเท่านั้น

ข้อมูลจาก matichon online

yengo หรือ buzzcity

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ หลอน! ผีเด็กโผล่ ภาพถ่ายติดวิญญาณ

เรื่องเล่าผี ๆ หลอน! ผีเด็กโผล่ ภาพถ่ายติดวิญญาณ


หลอน! ผีเด็กโผล่ ภาพถ่ายติดวิญญาณ

Mthai news: เว็บไซต์เมโทร ของอังกฤษ มีการเผยแพร่ภาพที่ครอบครัวรายหนึ่งอ้างว่า มีวิญญาณเด็กติดมาในภาพด้วย โดยภาพดังกล่าวปรากฎเด็กชาย ไซรัส วอลซ์ ยืนเคียงข้างอยู่กับเงาของเด็กชาย พวกเขาเชื่อว่า สิ่งที่เห็น เป็นวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตไปแล้ว

ด้าน นางจูลีย์ สมิธท์ ยายของไซรัสเล่าว่า ลูกสาวของเธอเป็นคนถ่ายภาพนี้ หลังจากที่ซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพของเด็กชายอีกคนยืนอยู่ หลังจากที่เธอนำภาพนี้ขึ้นโพสในเว็บไซต์เฟสบุค ก็มีคนสนใจแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ เธอปฏิเสธว่า ภาพดังกล่าวจะถูกปรับแต่งขึ้น โดยยืนยันว่าไม่มีสมาชิกในครอบครัวคนใด มีความรู้เทคนิคในเรื่องการตกแต่งภาพแน่นอน


ข้อมูลจาก Mthai news

yengo หรือ buzzcity

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ ครูใหญ่เชื่อถ่ายรูปติดวิญญาณ

เรื่องเล่าผี ๆ ครูใหญ่เชื่อถ่ายรูปติดวิญญาณ


สาวใหญ่ครูโรงเรียนปราสาททองวิทยาผวาถ่ายรูปป้ายชื่อโรงเรียนติดวิญญาณยืนถือดาบ

วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเพทาย บุญประคอง ผอ.โรงเรียนปราสาททองวิทยา ต.บ้านเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า มีอาจารย์ถ่ายภาพป้ายของโรงเรียนมีวิญญาณมาปรากฏอยู่ในภาพ จึงไปตรวจสอบพบอาจารย์และเจ้าหน้าที่มุงดูอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ กำลังวิพากษ์วิจารณ์ภาพที่ปรากฏอยู่ในจอ เป็นภาพมุมกว้างที่ถ่ายหน้าป้ายของโรงเรียน มีภาพเงาดำของชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ยืนอยู่หลังไฟสปอทไลท์ที่ส่องแสงสว่างป้าย ทุกคนต่างตกใจว่าเป็นรูปใครทั้งที่ตอนถ่ายนั้นไม่มีคนอยู่หน้าโรงเรียน

นางบุญเรือน เกตุพันธ์ อายุ 49 ปี กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจาก นายเพทาย ผอ.โรงเรียนปราสาททองวิทยา ให้นำกล้องถ่ายรูปไปถ่ายภาพไฟ ที่ประดับเมื่อวันแม่แห่งชาติ 12.ส.ค.ที่ผ่านมา และเก็บภาพเพื่อไว้ใช้เสนอจังหวัดในโครงการ “หน้าโรงเรียนน่ามอง” ตามนโยบายของนายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเมื่อวันที่ 14.ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 19.30 น ตนนำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลไปถ่ายภาพ ขณะที่ถ่ายรูปยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในโรงเรียน หรือมีคนยืนอยู่หน้าป้าย จึงได้ถ่ายภาพมุมต่างๆ ของหน้าโรงเรียน 15 ภาพ แล้วเดินทางกลับบ้านพัก

ต่อมาเมื่อตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ตนนำกล้องมาให้เจ้าหน้าที่นำภาพออกมาเก็บเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอ ผอ. พบว่าภาพถ่ายภาพสุดท้าย มีภาพคนชรายืนถือมีดดาบ อยู่หน้าป้ายโรงเรียน ตนถึงกับตกใจจนขนลุกทั้งตัว ทำไมจึงมีภาพคนมาปรากฏขึ้นมาได้ ปกติตนไม่มีความเชื่อในเรื่องภูตผีหรือวิญญาณอะไรอยู่แล้ว แต่เมื่อมาดูภาพแล้วตกใจมาก ไม่มีเจตนาที่จะสร้างหรือทำภาพอะไรขึ้นมา ตนไม่มีความรู้เรื่องการทำภาพกราฟฟิกด้วย

ด้าน นายเพทาย กล่าวว่า โรงเรียนปราสาททองวิทยาได้ตั้งชื่อ ตามพระนามของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แต่เดิมเป็นโรงเรียนจีน แต่เนื่องจากโรงเรียนต้องการภาพหน้าโรงเรียนเพื่อใช้เข้าร่วมกิจกรรม “หน้าโรงเรียนน่ามอง” ตามนโยบายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงมอบหมายให้ อาจารย์บุญเรือน ถ่ายภาพ เก็บข้อมูลเอาไว้ ตนเชื่อว่าบุคคลที่ปรากฎในภาพดังกล่าว น่าจะเป็นพระเจ้าปราสาททอง มาปรากฏให้เห็น เพราะโรงเรียนปราสาททอง มีแนวทางที่จะย้ายอาคารไปปลูกสร้างที่ใหม่ และโรงเรียนเองก็ไม่เคยมีรูปของพระเจ้าปราสาททองเลย จึงเป็นไปได้ว่าท่านจะมาปรากฎให้เห็น ซึ่งทางโรงเรียนและคณะผู้บริหารเตรียมที่จะนำเครื่องเส้นไหว้ มาสักการะบริเวณหน้าโรงเรียน ต่อไป.

ข้อมูลจาก เดลินิวส์

yengo หรือ buzzcity

วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ หุ่นเจ้าสาว

เรื่องเล่าผี ๆ หุ่นเจ้าสาว



"นุ่น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรังสิต

ดิฉันน่าจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันผิดปกติมาก แต่น่าแปลกที่ตอนแรกดิฉันไม่ได้สะกิดใจแม้แต่น้อย

วันนั้นเป็นวันแรกที่ดิฉันเข้าไปอยู่ในหอพัก คือว่าดิฉันได้งานทำแถวรังสิต แน่ละ...เมื่อบ้านอยู่ไกลก็จำเป็นต้องหาหอพักอยู่ มีคนแนะนำหอแห่งนี้ให้ ดิฉันก็เลยไปติดต่อด้วยตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่ของหอบอกว่ามีห้องเหลืออยู่ห้องเดียว คือห้องหมายเลข 814 อยู่ที่ชั้นแปด มีตู้มีเตียงครบเรียบร้อยทุกอย่าง ถือกระเป๋าใบเดียวก็เดินเข้าไปอยู่ได้เลย

รุ่งขึ้น ดิฉันให้พี่ขับรถมาส่งเพราะต้องขนหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้า รวมทั้งของใช้ในห้องน้ำมาด้วย

ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ พี่ชายต้องรีบไปทำงาน ของแค่นี้ดิฉันขนขึ้นห้องคนเดียวได้ เรื่องกุญแจน่ะรึคะ เรียบร้อยตั้งแต่เซ็นสัญญาเช่าห้องเมื่อวานนี้แล้ว อากาศยามเช้าสดชื่นจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ ดิฉันไม่เคยเจอผู้คนเลย มันเงียบสงบดีจัง...

อ้อ! เจอแต่ยามหน้าประตูกระจกชั้นล่างของอาคารคนเดียว เขายิ้มให้ขณะดิฉันใช้กุญแจการ์ดรูดเปิดประตู จากนั้นก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ แหม...ลิฟต์เล็กนิดเดียว ขึ้นได้ครั้งละไม่เกินสี่คนเท่านั้น ดิฉันไม่ชอบที่แคบๆ ซะด้วย แต่ไม่เป็นไร ลิฟต์พุ่งขึ้นไปเร็วใช้ได้เลยละ...ปรู๊ดเดียวก็ถึงชั ้นแปด...

ประตูลิฟต์เปิดแล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้ง...ตรงข้ามประตู ลิฟต์จัดเป็นเก้าอี้นั่งพัก มีกระจกผนัง มีต้นไม้ประดับอยู่ในกระถาง และสิ่งที่ทำให้ดิฉันสะดุ้งคือ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนแข็งทื่อ...เธอสวมชุดไทยคล้ ายเจ้าสาว ทำผมสวยงาม ยืนตรง หน้ามองตรง

เมื่อเพ่งดูจริงๆ จังๆ เออหนอ...หุ่นขี้ผึ้งนี่นา!!

ดิฉันถอนใจแล้วนึกขัน หอแห่งนี้มีลูกเล่นแปลกๆ เขามีกระทั่งทำหุ่นขี้ผึ้งมายืนต้อนรับหน้าลิฟต์ ลงทุนน่าดู...ไม่เคยเห็นมีที่ไหนทำอย่างนี้เลย

พอรู้ว่าเป็นแค่หุ่นก็เดินเข้าไปพิศดู เอ...จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เขาปั้นจนดูคล้ายคนมากๆ คุณคงนึกออกนะคะ...ผิวพรรณ ผมและดวงตา ดูยังไงก็เหมือนคนไม่มีผิด...เหมือนจนน่าขนลุกจริงๆ

เอาละ! ดิฉันถือถุงหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงไปที่ห้องหมายเลข 814 แล้วใช้กุญแจดอกเล็กๆ ไขเข้าไป...ห้องสวยใช้ได้ พอเหมาะพอเจาะกับการอยู่คนเดียว มีระเบียงด้วยซีคะ วิวก็สวยดี ดิฉันชอบอยู่ห้องของตึกสูงๆ ก็เพราะชอบดูวิวนี่แหละ

หลังจากพักผ่อนและเก็บของเข้าที่เข้าทางแล้วดิฉันก็ไ ปทำงาน...

ตอนกดลิฟต์และรออยู่นั้น ก็ยังหันไปชื่นชมหุ่นขี้ผึ้งสาวสวยนั่นเลยค่ะ นึกเล่นๆ ว่าถ้าหล่อนกระดิกได้หรือยักคิ้วให้ ดิฉันคงไม่รู้จะเผ่นไปทางไหน

เย็นนั้นกลับมา อ้าว? หุ่นขี้ผึ้งแสนสวยหายไปแล้ว!

คิดดูอีกทีเขาคงย้ายไปไว้ที่อื่น หรือไม่ก็เอามาวางไว้หน้าลิฟต์ชั่วคราว แต่แหม...ไม่มีเหตุผลเลย เขาเอามาวางไว้ตรงนี้ทำไม? มันมาจากไหน? ใครเป็นเจ้าของ? ช่างเถอะ! อย่าคิดมากเลย...ปวดหัวเปล่าๆ

สามสี่วันถัดจากนั้น ดิฉันได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของหอที่ชื่ออ้อย ก็เลยเอ่ยถึงหุ่นขี้ผึ้งตัวนั้น...คุณอ้อยทำท่าตกใจว ูบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนรับเออรับค่ะ แต่ดิฉันสังเกตเห็นท่าทีพิกลๆ นั้น...และตอนนี้แหละค่ะ ที่เริ่มสะกิดใจ

เรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผยจากเจ้าของร้านอาหารหน้าปา กซอยของหอพักนั้น...

คุยไปคุยมา ดิฉันก็เล่าว่ามาวันแรกมีเรื่องตกใจนิดหน่อยที่เปิดล ิฟต์มาเจอหุ่นขี้ผึ้งแต่งชุดเจ้าสาว สวยสะดุดตามากเชียว...เล่นเอาคุณป้าเจ้าของร้านเอามื อกุมอก เบิกตากว้าง

"คุณเห็นจริงๆ เหรอคะ?"

คุณพระช่วย! นั่นน่ะไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งหรอกค่ะ แต่เป็นผีเจ้าสาวจริงๆ มายืนทื่อให้ดิฉันเห็นเต็มหูเต็มตา เป็นการต้อนรับน้องใหม่ก็ว่าได้!

เธอเป็นผู้เช่าห้องหมายเลข 814 เมื่อหลายเดือนก่อน คุณป้าเจ้าของร้านนี้รู้จักดี เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำมากินอาหารแทบทุกวัน เธอมีคนรักที่เธอรักเขามาก และเตรียมจะแต่งงานด้วย ขนาดไปซื้อชุดเจ้าสาวมาอวดคุณป้าเชียวละ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าถูกหลอก เสียเงินทอง เสียทั้งตัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไป

เธออับอายและเสียใจจนกินยานอนหลับตายในห้อง 814

ดิฉันโทร.บอกพี่ให้มารับเดี๋ยวนั้น และบอกทางหอด้วยว่าถูกผีหลอก เขาใจร้ายมากที่ให้เช่าห้องนี้ ผลสุดท้ายเขาคืนเงินประกันให้ดิฉัน จะว่าคุ้มก็ไม่คุ้มหรอกค่ะ ดิฉันขวัญเสียอย่างแรง...ทุกวันนี้ยังอยู่คนเดียวไม่ ได้เลยค่ะ จะบอกให้!

yengo หรือ buzzcity

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ฮือฮาถ่ายรูปติดวิญญาณกลางศาลาวัด


ฮือฮาถ่ายรูปติดวิญญาณกลางศาลาวัด



วันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายอภิวัฒน์ กุลคำ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/12 ถ.อ่างทองป่าโมก ต.บ้านแห อ.เมือง จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์จังหวัดอ่างทอง ว่า เกิดเหตุประหลาดขึ้นเมื่อตนถ่ายภาพทำบุญในวันแม่ บนศาลาการเปรียญวัดจำปาหล่อ อ.เมือง แต่เกิดภาพที่ชวนขนลุก เมื่อพบว่าภาพดังกล่าวมีภาพลางๆ คล้ายวิญญาณติดอยู่ในภาพ ซึ่งนายมานพ นิรันดร นายกอบต.จำปาหล่อ เป็นคนเก็บภาพดังกล่าวไว้

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปดูภาพจากนายมานพ พบเป็นภาพถ่ายบนศาลาการเปรียญวัดจำปาหล่อ ขณะที่พระ 2 รูป กำลังจะฉันอาหาร มีประชาชนที่ไปทำบุญนั่งอยู่ด้านล่าง แต่ตรงกลางภาพเป็นเงาลางๆ ของคนสวมเสื้อสีแดงส่วนล่างเป็นผ้าลาย กำลังเดิน และที่เห็นชัดเจนคือส่วนแขน

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า วันที่ถ่ายภาพเป็นวันทำบุญวันแม่ในตอนเช้าของวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนและครอบครัวไปทำบุญที่วัดจำปาหล่อเพราะเป็นการทำบุญใหญ่ เมื่อตนตักบาตรเสร็จ นายมานพ นำกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาส่งให้ตนช่วยถ่ายรูปในงานให้ด้วย พอถ่ายเสร็จก็ลองเปิดดูภาพ เห็นเงาเหมือนวิญญาณกำลังเดินอยู่หน้าพระ ที่กำลังจะฉันเพล จากนั้นคนที่ได้เห็นภาพถ่ายก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าเป็นวิญญาณที่มาขอส่วนบุญ ยืนยันขณะที่ตนถ่ายภาพรูปดังกล่าวไม่มีใครเดินตัดหน้าแน่นอน ทำให้หลายคนต่างผวาไปตามๆ กัน

ด้านนายมานพ กล่าวว่า ภาพที่ออกมามีแขนคนก็แปลก แต่ก็คิดในสิ่งที่ดีว่าคงเป็นการหักเหของแสง แต่ก็มีเสียงลำลือกันหนาหูเกี่ยวกับการพบได้เห็นและได้ยินเกี่ยวกับวิญญาณในวัดแห่งนี้

พระอธิการพรหม เจ้าอาวาสวัดจำปาหล่อ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ลี้ลับจริงและเกิดขึ้นหลายครั้งมาแล้วไม่ว่าคนที่มาทำบุญ มาเที่ยวที่วัดก็มักจะถ่ายภาพติดวิญญาณไปด้วย พระที่วัดก็ยังได้ยินเสียง ได้เห็นเงาเดินเลย ตอนแรกก็รู้สึกกลัวๆ แต่นอนนี้ชินแล้ว ซึ่งล่าสุดเมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมามีการทำบุญใหญ่และมีการสวดกระดูกเพื่อบังสุกุล จู่ๆ ก็เกิดเสียงเปรตร้องขึ้นมาดังมากประชาชนที่มาทำบุญบางคนกลัวต้องวิ่งลงจากศาลา

พระอธิการพรหม กล่าวต่ออีกว่า วัดจำปาหล่อแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานเป็นร้อยปี เป็นที่พักของกองทัพพระนเรศวร จึงมีคนตายมากมาย เมื่อก่อนที่บริเวณหน้าวัดซึ่งเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีเรือมาล่มทำให้คนตายศพลอยมาติดที่หน้าวัดเป็นจำนวนมาก แต่ก็อย่าตกใจคิดในแง่ดีก็แค่มาขอส่วนบุญหรืออาจจะเกิดความผิดปกติของกล้อง ก็แล้วแต่จะคิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น่าสังเกตว่า เงาของคนที่ปรากฎในภาพ ใส่เสื้อแดงขณะที่เสื้อผ้าส่วนล่างเป็นลาย ซึ่งคนที่มาทำบุญ มีคนหนึ่งสวมชุดในลักษณะเดียวกันด้วย

ข้อมูลจาก ข่าวสด

yengo หรือ buzzcity

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าผี ๆ กอไผ่มรณะ

เรื่องเล่าผี ๆ กอไผ่มรณะ



สมัยเด็กผมเป็นเด็กลำน้ำชี มหาสารคาม มีเรื่องสนุกสนานเยอะแยะเลยครับ แต่วันนี้ขอเล่าเรื่องผีหลอกวิญญาณสุดแสนจะน่าขนลุกขนพองสู่กันฟังแล้วกันครับ

ชีวิตเด็กท้องนาต้องช่วยพ่อแม่ทำมาหากินตัวเป็นเกลียว ไม่ใช่สุขสบายแบบเด็กในเมืองใหญ่ ยิ่งพ่อแม่ร่ำรวยยิ่งเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็เอาเงินซื้อมาพะนอลูกทุกอย่าง ส่วนเด็กลูกทุ่งต้องเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย หาปูหาปลา ยิงนกยิงหนูมาผัดมาแกง ยิ่งหน้าแล้งแบบนี้ต้องออกหาไข่มดแดงมาให้พ่อแม่ขาย...โดนมดกัดเจ็บแทบตายก็ต้องทนเอา

ก่อนจะถึงหน้านาค่อนข้างสนุกกับการหาของกินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง พวกผู้ใหญ่ก็เที่ยวหางูสิง นกคุ่ม สุ่มปลาในหนอง ส่วนเด็กๆ ก็ลงน้ำหาหอยหาปู หรือไม่ก็จับจิ้งหรีด กะปอม บางวันโชคดีได้แย้มาให้แม่แกง กินข้าวกันพุงกางไปทั้งบ้าน

เข้าป่าหาหน่อไม้ก็สนุกครับ!

ช่วงที่รอคอยให้ต้นกล้ามันโตจะได้ดำนาซะที ก็คือต้นหน้าฝนที่พระพิรุณเริ่มสาดซ่าลงมา บรรดาหน่อไม้สารพัดชนิดต่างแทงหน่อกันขึ้นมาล่อตาล่อใจชะมัด ไม่ว่าไผ่ตง ไผ่บง ไผ่สีสุก ไผ่รวก ไผ่ซาง...จะกินสดหรือดองใส่ไหไว้กินตอนหน้าแล้งได้ทั้งนั้น

หน่อไม้รวกกินสด...คือเอามาแกงกับใบหญ้านาง ใส่เห็ดหูหนูกับยอดชะอม น้ำแกงต้มน้ำปลาร้า ปรุงรสเผ็ดเค็มตามใจชอบ รับรองว่าอร่อยที่ซู้ดดด...

หน่อไม้ที่นิยมนำมาดองคือ ไผ่ตง ไผ่สีสุก ไผ่ซาง เป็นต้น

พ่อกับผมมักเข้าป่าหาหน่อไม้กันเป็นประจำ อุปกรณ์ก็มี มีดพร้า เสียม กระบุงใส่หน่อไม้ รวมทั้งหนังสติ๊กกับกระสุนดินเหนียวปั้น สำหรับยิงนกยิงหนูอีกด้วย

ไม่ว่ากอไผ่ชนิดไหนล้วนแต่รกไปด้วยใบแห้งๆ สุมกันเป็นกองพะเนิน พ่อจะคอยเตือนให้เอาเสียมเขี่ยดูก่อนให้แน่ใจ ว่าไม่มีงูหรือแมงป่องที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน เพราะอาจจะโดนมันขบกัดเอาได้ง่ายๆ

ต่อจากนั้นจึงเอามีลิดกิ่งหนามจนถึงโคนต้น แล้วค่อยมองหาหน่อโตๆ หน่อยก่อนจะใช้เสียมขุดเอา... เผลอๆ โชคดียังอาจเจอะเจอเห็ดหูหนูป่าตามขอนไม้ผุๆ ที่โดนฝนเข้าก็งามสะพรั่งขึ้นมา ถือว่าเป็นลาภปากวันนี้ก็แล้วกัน

จนกระทั่งถึงวันเกิดเหตุ!

วันนั้นไม่รู้ว่ามีมือดีที่ไหนดอดมาก่อนเรา ไม่ว่าไผ่รวกไผ่ตงกอไหนก็ล้วนแต่เพิ่งโดนขุดหน่องามๆ ไปกินหมดแล้ว แต่เราไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกครับ พ่อออกเดิน ดุ่ยๆ นำหน้าผมก็ตามติดไม่ลดละ...

ให้มันรู้ไปซีน่าว่าไอ้พวกมือดีมันจะขุดหน่อไม้ไปกินจนหมดป่าน่ะ

นั่นไง! ผ่านกอไผ่ตายซากนั่นไปหน่อยก็เห็นไผ่สีสุกกอใหญ่ กำลังไหวโอนเหมือนจะทักทายอยู่ในสายลมเต็มตา

พ่อปราดเข้าไปใช้เสียมเขี่ยใบไผ่ที่สุมกันอยู่เต็ม...ไม่มีงูเงี้ยวเขี้ยวขออะไรให้ต้องหวั่นกลัว... และแล้วเราก็มองเห็นหน่อไม้โตๆ งามๆ แทงหน่อขึ้นมาล่อใจ แต่พ่อออกจะขี้ระแวงไปหน่อยเลยหยุดชะงัก ขมวดคิ้วย่น เหลียวซ้ายแลขวาอย่างสงสัยอะไรบางอย่าง ตามสัญชาตญาณของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาโชกโชน

"ทำไมไอ้พวกนั้นไม่มาขุดหน่อไม้งามๆ นี่ไปกินวะ?"

"ช่างมันเป็นไร! เรารีบขุดกันก่อนเถอะพ่อ..."

ผมร้อง ก่อนที่เสียงจะขาดหายเมื่อมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นตรงหน้าเรานั่นเอง!

คุณพระช่วย! ไผ่สีสุกที่ดูขึ้นแน่นขนัดกลับไหวโอนไปมาเสียงเอี๊ยดอ๊าดผิดหู ทั้งๆ ที่ลมสงัด สรรพสิ่งเงียบเชียบ ทำให้ได้ยินเสียงกอไผ่เจ้ากรรมดังกระหึ่มขึ้นทุกที

นรกเป็นพยาน! พริบตานั้นเอง กอไผ่แน่นหนาก็แหวกออกจากกันเหมือนโดนมือยักษ์จับกระชาก มองเห็นร่างดำๆ ของหญิงชายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเราเขม็ง...อ้าปากหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังโดยไม่ มีเสียงใดๆ ดังออกมาเลย เล่นเอาเราผงะหน้ากันทั้งสองคน

อุปกรณ์หาหน่อไม้ ไม่ว่ามีด เสียม และกระบุงหล่นจากมือ พ่อคว้าแขนผมแล้วกระโจนอ้าวไปข้างหน้าเหมือนลมพัด...เหนื่อยแทบตายกว่าจะเจอพวกมือดีที่ขุดหน่อไม้ไปก่อนหน้าเรา

ปรากฏว่าเคยมีผัวฆ่าเมียด้วยมีดแล้วเชือดคอตายตามเพราะความหึง...ที่โคนกอไผ่ผีสิงนั่น พ่อผมรู้เรื่องนี้ดีแต่จำผิดกอจนไปขุดหน่อไม้ที่กอไผ่ผีสิงเข้าอย่างจัง...บรื๋อส์!


ขนหัวลุก ใบหนาด

yengo หรือ buzzcity

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2558

นิทานผี ๆ ผีที่โคนโพธิ์

นิทานผี ๆ ผีที่โคนโพธิ์


'คนเสี่ยงโชค' เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อเพื่อนไปขอหวยจากโพธิ์ผีสิง

ดิฉันรับว่าตัวเองนิยมซื้อลอตเตอรี่และแทงหวยใต้ดิน ใครจะเรียกว่านักเลงหวยหรือบ้าหวยก็ไม่เถียงซักคำ ยกเว้นแต่สามีนี่ต้องขอโต้เถียงเล็กน้อยค่ะ

คือเขาชอบบ่นว่าไม่รู้จะเล่นหวยทั้งบนดินกับใต้ดินไปทำไม? ดิฉันก็ตอบว่าอยากรวยกับเขามั่งน่ะซี ขืนมัวแต่รอเงินเดือนข้าราชการของพ่อเจ้าประคุณมีหวังปลายเดือนไม่ชนกันแน่! เขาก็ดุว่าเสียเงินทองงวดละเท่าไหร่ล่ะ ไม่เสียดายเงินทองมั่งหรือไง?

ดิฉันก็...โอ๊ย! เดือนละแค่สองสามพัน! ว้าย...ร้อยสองร้อยเท่านั้นแหละพี่ขา แหม! ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องลงทุนลงรอน ถ้าไม่ยอมลงทุนแล้วจะได้กำไรยังไง?

ตามประสาผู้หญิงนะคะ อย่างที่พ่อแม่เคยบ่นว่า 'เถียงคำไม่ตกฟาก' ก็เลยติดนิสัยมาจนถึงมีครอบครัว แต่ใจจริงก็เคารพสามีนะคะ อย่างน้อยเขาก็เป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นพ่อของลูก เป็นคนทำมาหากิน ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวเตร่ การพนันไม่แตะต้องเลย

เฮ้อ...ไม่รู้จะเกิดมาทำไม? โอ๊ย...ไม่ใช่! สามีดีเหมือนพระพุทธรูปยังงี้จะไปหาได้ที่ไหน จริงไหมคะ? ฮิฮิ...

คราวนี้ต้องอำกันเล็กน้อยตามประสาคนเจ้าเล่ห์พอสมควร

ซื้อลอตเตอรี่มาอวดเขาแค่คู่สองคู่ให้สบายใจว่าไม่ได้ใช้เงินมาก แต่ซื้อทิ้งไว้เผื่อเหนียว ปะเหมาะเกิด 'โชคดีบุญมีมา กุศลพานำช่วยร่ำรวยเอย' แล้วจะว่ายังไงล่ะคะ พี่ขา?

โถ...ใจจริงน่ะอยากจะรวยกับเขามั่งเท่านั้นแหละค่ะ!

ใครไม่ใช่นักเลงหวยจะไม่มีวันเข้าใจหรอกค่ะ ว่าคนเล่นหวยน่ะมีความหวังน่าตื่นเต้นแค่ไหน? ฟังการออกสลากทางวิทยุแล้วใจคอมันระทึกอย่าบอกใคร...ส่วนมากก็มักจะลุ้นเลขท้าย 2 ตัวกับ 3 ตัวมากที่สุด...อาจจะถูกทั้งลอตเตอรี่ทั้งใต้ดิน พอหมดหวังก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด แต่ไม่วายรีบซื้อเรียงเบอร์ที่วิ่งมาขายในซอย

ว่าได้หรือคะ อาจจะเจอรางวัลอื่นๆ เข้าก็ได้...คนเรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้น่ะ ไม่ใช่เพราะมีสิ่งหล่อเลี้ยงหัวใจที่เรียกว่า 'ความหวัง' หรือคะคุณ?

นานๆ ถูกเลขท้าย 2 ตัวทีก็กรี๊ดกร๊าด กระโดดโลดเต้นแทบบ้านช่องพัง ยิ่งปีไหนถูกเลขท้าย 3 ตัวทั้งดีใจสุดขีด กับเจ็บใจที่ซื้อลอตเตอรี่กับแทงหวยใต้ดินน้อยไปน่ะซีคะ

เพ้อเจ้อว่าถ้าซื้อมากกว่านี้เท่านั้น ก็จะได้เงินมากเท่าโน้น! เฮ้อ...ถึงบอกว่าคนเล่นหวยเท่านั้นแหละค่ะถึงจะเข้าใจคนเล่นหวยด้วยกัน

ว่าจะปิดสามีก็ทนไม่ไหว อารามดีใจกับอยากจะอวดว่า...เห็นมั้ย? ไม่ใช่ว่าสูญเปล่านะ โชคดีก็ได้รับมาเนื้อๆ เหมือนกัน! แทนที่สามีจะตื่นเต้นดีใจ ที่ไหนได้ล่ะเขากลับยิ้มเศร้าๆ บอกว่า...เหมือนเล่นไพ่น่ะนะ มีได้บ้างเสียบ้าง

พูดอะไรไม่ทราบ? จะด่าหรือชมก็ไม่พูดตรงๆ พิลึกคน!

จนกระทั่งเพื่อนในซอยชื่อจิ๋ว แต่อ้วนเหมือนตุ่ม ชอบเล่นการพนันแทบทุกชนิด อ้างว่านั่งที่ไหนแล้วไม่อยากเลิกเพราะลุกลำบาก อุ้ยอ้ายเต็มที...มาบอกข่าวดีว่าต้นโพธิ์ก้นซอยให้หวยแม่นเป็นตาเห็น เขาถูกกันมา 3 งวดติดๆ กันแล้ว...ค่ำๆ เราจงไปขอหวยกันเถิด

ดิฉันบอกปัดเพราะตอนค่ำสามีอยู่บ้าน ไม่ใช่กลัวนะคะแต่เกรงใจน่ะ! บอกให้ไปชวนคนอื่น จิ๋วบอกว่าไม่ได้ๆ ต้องต่างคนต่างไปถึงจะได้เลขเด็ด ตัวเองไม่อยากเดินคนเดียวค่ำๆ มืดๆ ถึงมาชวนดิฉัน...สงสัยว่าคนอื่นเขาไม่ยอมไปมากกว่า

แต่ดิฉันก็ยืนยันว่า...ถ้าจะมีลาภมันก็ถูกหวยเองแหละ งวดก่อนดิฉันยังถูกทั้งบนดินใต้ดิน แถมทั้งสามตัวกับสองตัวล่าง รับทรัพย์มาหลายหมื่น ยังเดือดร้อนอยู่ถึงเดี๋ยวนี้เพราะต้องซ่อนเงินไม่ให้สามีเห็นน่ะซี คนอะไรด่าเจ็บซะไม่มีละ!

ยายจิ๋วเห็นว่าอ้อนวอนไม่สำเร็จก็สะบัดหน้าเดินบ่นตุบตับว่า ไปคนเดียวก็ได้ไม่ง้อ...ใครอยากปล้ำก็ให้มันรู้ไป แม่จะนอนทับให้แบนแต๋เป็นกล้วยปิ้งเลย

คืนนั้นเอง...เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากก้นซอย ดิฉันโผล่ไปดูก็เห็นจิ๋วนั่งกองอยู่หน้าบ้าน ร้องไห้โฮๆ หน้าตาเนื้อตัวมอมแมม ถลอกปอกเปิกไปหมด...ได้ความถูกผีหลอกเข้าจังเบอร์ คือกำลังนั่งยองๆ ขัดรากโพธิ์ขอหวยอยู่เดียวดาย ก็ได้ยินเสียงอะไรซู่ซ่าดังมาจากเหนือหัว นึกว่าเจ้าพ่อให้ลาภแน่แล้ว

ที่ไหนได้...กลายเป็นมือขาวๆ ยื่นลงมาจากกิ่งใบหนาทึบ ยาวเหยียด โบกไปมาอยู่ตรงหน้า เล่นเอาจิ๋วร้องจ๊าก หงายตึงลงไปหลังติดดิน ไม่รู้ว่าลุกขึ้นมาได้ยังไง?

คราวนี้ตุ่มจำแลงก็ห้อตั่บๆ ล้มลุกคลุกคลานพลางร้องด่ากับร้องไห้ปนเปกันไป หมูหมาเห่าเกรียวกราวจนมาสิ้นแรงที่หน้าบ้านพอดี

งวดนั้นเลขท้าย 2 ตัวออก 20 ค่ะ...ดิฉันไม่ได้ไปขอหวยแต่ก็ตีหวยออกว่ามือ 2 ข้างก็คือ 2 ผีก็ 0 ง่ายๆ แค่นี้เอง...ได้มาเกือบสองหมื่นแต่ไม่กล้าบอกสามีกลัวโดนด่าแบบแสบลึกๆ น่ะซีคะ! เฮ้อ...

yengo หรือ buzzcity